สธ.ปลดล็อกร.พ.เอกชนออกตรวจโควิด“นอกสถานที่”ได้

15 เม.ย. 2563 | 03:28 น.

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประกาศแนวทางการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 นอกสถานพยาบาล ปลดล็อกสถานพยาบาลสามารถออกหน่วยให้บริการประชาชนถึงที่พักเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ป้องกันการแพร่กระจายของโรคระหว่างเดินทาง

15 เมษายน 2563 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ส่งผลให้ทั่วโลกมีผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 1.5 ล้านราย สำหรับประเทศไทยเองก็พบผู้ป่วยสะสมกว่า 2,500 รายทำให้พี่น้องประชาชนต่างเกิดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวและในบางรายที่เคยพบปะ หรือมีกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ยิ่งเกิดความวิตกกังวล อยากตรวจสอบว่า ตนติดโรคโควิด-19 หรือไม่แต่ก็อาจจะไม่สะดวกในการเดินทางจากที่พักไปสถานพยาบาล ด้วยเกรงว่า อาจเกิดการแพร่กระจายโรคทำให้การตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดโควิด-19 นอกสถานที่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการกำหนดแนวทางให้สถานพยาบาลได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง บนมาตรฐานเดียวกัน

ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 กรม สบส.จึงได้ออกประกาศ เรื่อง แนวทางการให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) นอกสถานพยาบาล ช่วยปลดล็อกให้สถานพยาบาลเอกชนสามารถออกให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ณ ที่พักผู้ป่วยเป็นการชั่วคราวได้เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคฯ โดยการออกให้บริการนอกสถานที่ของสถานพยาบาลในกรณีข้างต้นนั้น อนุญาตให้ดำเนินการเฉพาะการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ห้ามให้บริการทางการแพทย์ประเภทอื่นๆ อาทิ การเสริมความงาม ฉีดวิตามิน หรือบริการอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคโควิด-19โดยเด็ดขาด

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี กรม สบส. กล่าวถึงสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ว่า กำหนดให้การให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดโรคโควิด-19 นอกสถานพยาบาล หรือนอกสถานที่ กรณีดำเนินการโดยสถานพยาบาลเอกชนสามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ โดยสามารถดำเนินการ ณ ที่พักผู้ป่วยเป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้กระทำเป็นปกติธุระ ด้วยผู้ป่วยไม่สามารถมารับบริการที่สถานพยาบาลได้ เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามแนวทาง ดังนี้

1.ผู้รับบริการเป็นผู้ป่วยกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

2.ผู้ให้บริการต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ และต้องดำเนินการตามมาตรฐานวิชาชีพ

3.กรณีการให้บริการโดยใช้ชุดตรวจภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือดังกล่าวต้องได้รับอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

และ4.การส่งสิ่งส่งตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตรวจในห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้การรับรอง ตามประกาศกรม สบส.เรื่อง แนวทางการให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 93 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น เขตกรุงเทพและปริมณฑล 43 แห่ง และต่างจังหวัด 50 แห่ง