ปิดผู้สมัครผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) อย่างไม่เป็นทางการ (วันที่ 9 เม.ย.63) จำนวน 5 คน อาจะมีผู้สมัครส่งไปรษณีย์ทาง EMS อีก 1-2 วัน จะเป็นทางการว่ามีทั้งหมดกี่คน แต่ในเบื้องต้น “ฐานเศรษฐกิจ” ได้ตรวจสอบรายชี่อแล้วว่ามี ผู้สมัครในขณะนี้ทั้งหมด 5 คน
++พัฒนาตลาดยางพาราของไทยให้เป็น THAICOM
เริ่มจากเต็งหนึ่ง นายขจรจักษณ์ นวลพรหมสกุล รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยวิสัยทัศน์การพัฒนาและการบริหารยางพาราของ กยท.ตลอดห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่คุณค่า เน้นด้านความยั่งยืนของเกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของอุตสาหกรรมยางพาราของไทย การผลิต การแปรรูปด้านนวัตกรรม การตลาด การรักษาเสถียรภาพราคายาง พัฒนาตลาดยางพาราของไทยให้เป็น THAICOM
พ่วงสร้างรายได้จากการบริการและดำเนินธุรกิจของ กยท.ร่วมกับสถาบันเกษตรกร การสร้างโรงงานแปรรูปอุตสาหกรรมยางล้อ อุตสาหกรรมถุงมือ อุตสาหกรรมยางยืด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและแข่งขันในตลาดโลกได้
ควบคู่พัฒนาการยางแห่งประเทศไทยสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ พัฒนาบุคลากรของ กยท.และเกษตรกรชาวสวนยางให้มีศักยภาพสูงในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ เพื่อเป็นองค์การกลางด้านยางพาราของโลก และเป็นองค์กรในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านยางพาราในทุกมิติเพื่อความยั่งยืน มั่นคงของวงการยางพาราของไทย
++ยางไทยเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
ส่วนเต็งสอง ผลงานโดดเด่นไม่แพ้กัน มือประสานรอบทิศ ลงมือทำมากกว่าพูด นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท. รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านธุรกิจและปฏิบัติการ มาในสโลแกนสั้นๆ “บทบาทของการยางต้องเปลี่ยนไป ยางพาราไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก”
ยึดผลประโยชน์เกษตรกรเป็นที่ตั้ง
คนที่ 3 นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ ประธานสโมสรฟุตบอลพัทลุง เอฟซี และ อดีดคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (บอร์ด กสย. ) ,ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ และผู้สมัคร ส.ส.เขต จ.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นบอร์ด สกย. เป็นบอร์ดคนเดียวที่อยู่มา 5 รัฐมนตรีไม่เคยโดนเปลี่ยน โดยผมเอาผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นที่ตั้ง รัฐบาลไหนมา หรือรัฐมนตรีไหนมา ถ้าเป็นผลประโยชน์ของเกษตรกรผมถือว่าเป็นอันดับ1
วันนี้สิ่งที่ผมอยากจะทำก็คือว่า ถ้าจะใช้สวนยางเพื่อกรีดยางอย่างเดียวก็ได้ แต่ควรจะนำสวนยางมาใช้ในรูปแบบการท่องเที่ยว โดยเลือกสวนยางที่มีภูมิทัศน์สวยงาม อาจจะร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับเกษตรกรหัวก้าวหน้า หลังพ้นโควิด-19 อาจจะโค่นต้นยางออก 3-4 แถว สร้างโฮมสเตย์ แล้วให้คนเรียนรู้เรื่องยางพาราเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตจะสร้างรายได้อีกทางหนึ่งให้กับเกษตรกรรชาวสวนยางเป็นอีกช่องทางหนึ่ง
เรื่องการแก้ปัญหาราคายางพาราผู้รู้คลุกคลียางตั้งแต่ต้นคาดว่าจะได้เสนอทางออกหมดแล้ว แต่สิ่งที่ขาดก็คือขาดการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวโดยยึดหลักเกษตรกรชาวสวนยางเป็นที่ตั้งทุกปัญหาสามารถแก้ได้ สามารถประสานงานได้ทุกองค์กร
แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ส่วนคนที่4 นายเพิก เลิศวังพง อดีต บอร์ด สกย.และ องค์การสวนยาง,อดีตประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (ชสยท.) และคณะทำงานของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว แนวคิดของผมจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ได้ของบดุลของ กยท.มาดูเลยนะ ผมไม่สนใจ เพราะมองว่าองค์กรนี้ล้มเหลวจะไปดูทำไม ถ้าได้เข้าไปเป็นผู้ว่าจะไปเปลี่ยนแปลงในแบบของผม งานเฉพาะหน้าอันดับแรกว่าในองค์กรนี้มีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร แล้วถ้าไปนั่งเอาข้อมูลมาวิเคราะห์แล้วนั่งจินตนาการอาจจะเป็นรูปแบบในการบริหารจัดการทั่วๆไป แต่ถ้าเป็นผมผมจะไปลุยกับปัญหาเลย
ความจริงมีนโยบายใหญ่ของรัฐบาลที่ไม่ให้คนทำโน้นนี่ ดังนั้นจะต้องมาดูว่าจะไปทำอะไรจะไปขัดกับนโยบายหลักของรัฐบาลหรือไม่ ถ้าเค้าไม่ให้เคลื่อนไหวจะไปทำไม ให้อยู่บ้าน ก็ไม่สามาถที่จะไปให้ทำอะไรได้ หรือบางทีเคอร์ฟิวส์ด้วยซ้ำ บางคนสวนยางอยู่อีกที่หนึ่งไม่ใช่อยู่บริเวณบ้าน ก้ไม่ได้ ความคิดของผม ในเมื่อวันนี้กรีดยางไม่ได้ ก็หยุดกรีดไปเลย ทำให้ขาดไปเลย เพราะไปกรีดยางราคาถูกได้ก็ไม่คุ้ม ยอมรับว่าแอบใจร้าย เพราะบางทีจะไปสื่อสารตรงก็ไม่ได้ แล้วเมื่อไปกรีดยางไม่ได้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้บริหารองค์กรแล้วว่าจะดูแลชาวสวนอย่างไรในฐานะที่ดูแลจะต้องมาวัดสติปัญญาในการที่จะทำให้ชาวสวนอยู่บ้านได้จะทำอย่างไร ก็ใช้งบประมาณที่มีอยู่ในมือทำให้มีประสิทธิผลที่สุด ผมไม่มีรูปแบบตายตัว
แปรสภาพองค์กรใหม่
ปิดท้าย นายอมรศักดิ์ พันธุรักษ์รองผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา กล่าวว่า ก่อนที่จะมาเป็นรององค์การสะพานปลา ก็เคยเป็นสหกรณ์จังหวัดมาหลายจังหวัดแล้ว ไล่มาตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ก็จะเห็นปัญหายางพารา ที่เด่นชัดจากการลงไปพูดคุยกับชาวบ้าน เกษตรกรชาวสวนยาง เรื่องราคายางตกต่ำ เพราะวันนี้ กยท. เป็นองค์กรแค่กลางน้ำไม่ใช่ปลายน้ำ ดังนั้นต้องแปรสภาพองค์กรใหม่ โดยจะต้องเพิ่มการแปรรูป และใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น
เช่น ตั้งโรงงานผลิตยางล้อ หรือถุงมือยาง โดยรัฐช่วยสนับสนุน แล้วนำผลผลิตขายหน่วยงานราชการโดยผ่าน กยท. ผมคิดว่าจะสามารถไปกระตุ้นราคายางมาได้ สุดท้ายก็จะกลับไปที่เกษตรกรขายยางได้มีราคาเพิ่มมากขึ้น
“วันนี้จะเห็นว่าการยางใช้ในประเทศแค่กว่า10% เราไม่ต้องการเป็นเบอร์1 ส่งออกยางโลก แค่เอายางในประเทศมาแปรรูปเพิ่ม30%ราคายางก็จะไม่ตกต่ำหรือไม่ก็ดึงสหกรณ์มาตั้งโรงงานแปรรูปผลผลิตในประเทศมากขึ้น คาดว่าจะกระตุ้นราคายางได้อีกทางหนึ่ง”