หมู่เกาะทันสมัยหัวใจสีเขียว เล็งผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 100%

13 เม.ย. 2559 | 00:00 น.
เกาะเนวิส (Nevis) ซึ่งเป็น 1 ในหมู่เกาะแถบทะเลแคริบเบียน กำลังมีแผนเดินหน้าสู่การเป็นเกาะแห่งแรกของโลกที่ไม่มีการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลเลยไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ และนั่นหมายถึงการเป็นเกาะที่ใช้พลังงานหมุนเวียน (renewable energy) อย่างเต็มรูปแบบภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า

[caption id="attachment_43634" align="aligncenter" width="500"] เกาะเนวิส (Nevis) เกาะเนวิส (Nevis)[/caption]

ปัจจุบันเกาะแห่งนี้มีพื้นที่โดยรวม 36 ตร.ไมล์ และมีประชากรอาศัยอยู่ราวๆ 1.2 หมื่นคน ยังใช้น้ำมันดีเซลนำเข้า (ซึ่งนำเข้าประมาณ 90%) สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงความต้องการใช้งานภายในเกาะ อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าบนเกาะนี้คือ เนวิส อิเล็กทริซิตี คอมปานี (NEVLEC) ซึ่งเคยเป็นรัฐวิสาหกิจแต่ได้แยกกิจการออกมาประมาณ 15 ปีแล้ว มีแผนจะลดและเลิกการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงแล้วหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนแทนภายในทศวรรษหน้า ซึ่งก้าวแรกที่จะนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่ปี 2552 เมื่อบริษัทสร้างวินด์ฟาร์มขึ้นแห่งหนึ่งบนเกาะโดยมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 1.6 เมกะวัตต์

ก้าวต่อไปที่ NEVLEC กำลังเล็งอยู่คือการพัฒนาแหล่งพลังงานจากความร้อนใต้ดิน ทั้งนี้ เนื่องจากเกาะเนวิสเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่มอดไหม้แล้วแต่ใต้ชั้นดินยังมีความร้อนระอุอยู่ บริษัทได้เริ่มขุดเจาะบ่อสำรวจแล้วจำนวน 3 บ่อสำหรับโรงงานไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพที่ NEVLEC จับมือลงทุนกับหน่วยงานพันธมิตรคือ องค์การบริหารเกาะเนวิส (Nevis Island Administration หรือ NIA) และองค์กรพลังงานหมุนเวียนนานาชาติแห่งเกาะเนวิส (Nevis Renewable Energy International) โรงงานไฟฟ้าแห่งนี้มีกำหนดเดินเครื่องเฟสแรกในปีหน้า (พ.ศ. 2560) และต่อไปเมื่อเดินเครื่องเต็มกำลังผลิต10 เมกะวัตต์ ก็จะสามารถป้อนไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการใช้งานของทั้งเกาะ ซ้ำยังมีกำลังผลิตส่วนเกินสำหรับการส่งออกไปยังเกาะใกล้เคียง เช่น เกาะเซนต์ คิตส์ อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น NEVLEC ยังเซ็นสัญญาสั่งซื้อไฟฟ้าจากบริษัท ออมนิ อัลฟา ซึ่งจะเป็นผู้สร้างโรงงานไฟฟ้าจากขยะแห่งใหม่บนเกาะนี้ เป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาแหล่งทิ้งขยะที่มีพื้นที่บนเกาะอันจำกัด พร้อมๆ ไปกับการผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับครัวเรือนอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ เกาะเนวิสมีชื่อเสียงในแง่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล ที่มีกิจกรรมการดำน้ำชมปะการังและสัตว์น้ำ มีป่าและแหล่งน้ำพุร้อนบนเกาะด้วย ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นมุ่งมั่นที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนที่ไม่สร้างก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นต้นเหตุปัญหาโลกร้อน และทำให้ระดับน้ำทะเลทั้งสูงขึ้นและอุ่นขึ้นซึ่งมีผลต่อระบบนิเวศ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,146 วันที่ 7 - 9 เมษายน พ.ศ. 2559