อินเทลทุ่ม 50 ล้านดอลลาร์พัฒนาเทคโนโลยีรับมือโควิด

08 เม.ย. 2563 | 04:08 น.

วันนี้อินเทลให้คำมั่นสัญญาเพิ่มทุนจำนวน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการริเริ่มด้านเทคโนโลยีเพื่อรับมือโรคระบาดและต่อสู้กับไวรัสโคโรนา ผ่านการเร่งสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยี ณ จุดดูแลผู้ป่วย เร่งวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และสร้างความเชื่อมั่นว่านักเรียนนักศึกษาจะสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนออนไลน์ได้ โดยเงินจำนวนนี้ครอบคลุมสำหรับส่วนของกองทุนนวัตกรรมที่เปิดรับคำขอสนับสนุนเม็ดเงิน เพื่อให้นำเอาความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของอินเทลไปใช้ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในทันที ก่อนหน้านี้อินเทลยังได้บริจาคเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้อีกด้วย

บ็อบ สวอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทล กล่าวว่าในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 อินเทลขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะเร่งสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีที่จะมาต่อกรกับโรคระบาดนี้ให้ได้ และจะสนับสนุนการคิดค้นทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ในการเตรียมความพร้อมให้กับสังคมเพื่อเผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งต่อไปได้ดียิ่งกว่าเดิมเราหวังว่าการแบ่งปันความเชี่ยวชาญของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรหรือเทคโนโลยี จะช่วยเร่งรักษาชีวิตและขยายการเข้าถึงบริการต่างๆ ที่จำเป็นให้แก่คนทั่วโลกในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้”

 อินเทลจะสมทบเงินประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนโครงการเตรียมความพร้อมและรับมือสถานการณ์โควิด-19ของอินเทล (Intel COVID-19 Response and Readiness Initiative) สำหรับโครงการสนับสนุนการศึกษาออนไลน์ (Intel Online Learning Initiative) โดยในโครงการเตรียมความพร้อมและรับมือสถานการณ์โควิด-19ของอินเทลนี้ จะมอบเงินทุนให้แก่ลูกค้าธุรกิจและพาร์ทเนอร์ เพื่อเร่งสนับสนุนความก้าวหน้าด้านการวินิจฉัยโรค การรักษา และการพัฒนาวัคซีน และมุ่งยกระดับเทคโนโลยีต่างๆ เช่นปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลประสิทธิภาพสูง และการส่งมอบบริการจาก Edge สู่คลาวด์ เป็นต้น 

โดยในโครงการนี้ อินเทลจะเข้ามาช่วยผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ ให้สามารถเพิ่มเทคโนโลยีและโซลูชันส์ที่โรงพยาบาลจะต้องใช้สำหรับวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งโครงการนี้ยังช่วยผลักดันให้เกิดการสร้างเครือข่ายภายในอุตสาหกรรมและเร่งยกระดับศักยภาพความสามารถและนโยบายของทั่วโลกให้รับมือกับโรคระบาดในครั้งนี้และในอนาคตข้างหน้าได้ ผ่านความเชี่ยวชาญของอินเทลในด้านการขับเคลื่อนนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์

โครงการสนับสนุนการศึกษาออนไลน์ของอินเทล (Intel Online Learning Initiative) จะให้การสนับสนุนองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและพันธมิตรทางธุรกิจด้านการศึกษา เพื่อช่วยนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนเทคโนโลยีให้มีอุปกรณ์และสามารถเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ออนไลน์ได้ และด้วยการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับโรงเรียนรัฐบาลในระดับชุมชนเพื่อบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ (PCs) สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ออนไลน์ คู่มือสำหรับระบบการเรียนการสอนจากที่บ้านพร้อมความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์เชื่อมต่อ ทั้งนี้ โครงการสนับสนุนการศึกษาออนไลน์ของอินเทล เกิดจากคำมั่นสัญญาที่อินเทลมีเสมอมาด้านการยกระดับการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี โดยโครงการนี้จะเริ่มต้นทันทีในภูมิภาคที่มีความต้องการมากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกาและขยายไปทั่วโลก

 

 

 

อินเทลทุ่ม 50 ล้านดอลลาร์พัฒนาเทคโนโลยีรับมือโควิด

นอกจากนี้อินเทลยังจัดสรรเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับกองทุนนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนความต้องการของพาร์ทเนอร์ภายนอก หรือโครงการบรรเทาทุกข์ที่ริเริ่มโดยพนักงานอินเทลเอง เพื่อตอบสนองความต้องการที่จำเป็นในชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ เช่น อินเทลได้ทำงานร่วมกับสภาวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมและสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศนานาชาติ ณ นครไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย เพื่อใช้งานโซลูชันส์เซิร์ฟเวอร์และเครื่องลูกข่ายของอินเทลสำหรับเร่งการตรวจโรคโควิด-19 ให้รวดเร็วมากขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง และช่วยเรียงลำดับจีโนมของเชื้อไวรัสโคโรนาเพื่อสร้างความเข้าใจเชิงระบาดวิทยา รวมถึงการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการจำแนกลำดับความเสี่ยงของผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย นอกจากนี้อินเทลยังร่วมมือกับสมาคมบริษัทผู้พัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ (National Association of Software and Service Companies: NASSCOM) ของประเทศอินเดียในการสร้างอีโคซิสเต็มของแอพพลิเคชันและระบบการจัดการเบื้องหลัง (Back end) ประเภทมัลติคลาวด์ เพื่อใช้วินิจฉัยโรคโควิด-19 ในระดับประชากรและคาดการณ์การระบาดล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมจัดบริการด้านสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น

อินเทลทุ่ม 50 ล้านดอลลาร์พัฒนาเทคโนโลยีรับมือโควิด

แพลตฟอร์ม Sickbay ของ Medical Informatics Corp. (MIC) ได้ใช้เทคโนโลยีอินเทลสร้างโซลูชันส์ที่สามารถเปลี่ยนเตียงธรรมดาให้กลายเป็นเตียง ICU เสมือน (Virtual ICU) ได้ในระยะเวลาไม่กี่นาที เพื่อช่วยป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ในหน่วยดูแลผู้ป่วยวิกฤติจากความเสี่ยงจากการสัมผัส และช่วยขยายความสามารถในการดูแลผู้ป่วยได้เป็นอย่างมาก เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โรงพยาบาล Houston Methodist ได้นำระบบ vICU ของ Sickbay มาเริ่มใช้งานได้ทันทีภายในหนึ่งวัน เพื่อยกระดับการเฝ้าสังเกตอาการของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ผ่านระบบเสมือน ทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้โดยปราศจากความเสี่ยงจากการสัมผัสในห้อง ICU 

 

ในประเทศอังกฤษ อินเทลได้ร่วมมือกับบริษัท Dyson และบริษัท TTP ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการแพทย์ เพื่อจัดทำแผงวงจร FPGAs สำหรับเครื่องช่วยหายใจ CoVent ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อตอบสนองคำร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษเครื่องช่วยหายใจนี้ออกแบบให้สามารถติดตั้งกับเตียงได้ ทั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างรออนุมัติทางกฎหมาย  

 

 เทคโนโลยีของอินเทลอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการสำคัญต่างๆ ที่สังคมโลก รัฐบาลและองค์กรด้านสุขภาพจำเป็นต้องพึ่งพาทุกวัน พวกเราหวังว่าการใช้ความเชี่ยวชาญทรัพยากร เทคโนโลยี และทรัพยากรบุคคลที่อินเทลมีอยู่ จะช่วยรักษาและยกระดับชีวิตของผู้คนได้ท่ามกลางความท้าทายอันใหญ่หลวงที่โลกเผชิญอยู่ตอนนี้ ผ่านการสร้างสรรค์และพัฒนากลยุทธ์และนวัตกรรมรูปแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยีได้