พิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์ แก้วิกฤติเป็นโอกาสใหม่ของธุรกิจ

10 เม.ย. 2559 | 04:00 น.
หากเคยซื้อของเล่นเด็ก ๆ คงเคยผ่านหูกันบ้างกับ "วังเด็ก" บริษัทผู้จัดจำหน่ายของเล่นเด็ก ที่มีอายุยาวนานถึง 45 ปี และปัจจุบันก็ตกทอดถึงรุ่นลูกที่เข้ามาบริหารแล้วอย่างเต็มตัว โดยการสานต่อกิจการของครอบครัว พร้อมปรับรูปแบบการทำงานให้ทันสมัยสอดคล้องกับสภาวะตลาดปัจจุบัน โดย "พิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์" ทายาทรุ่น 2 ลูกสาวคนโตของตระกูลที่เข้ามาบริหารงานต่อ ในตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วังเด็กทอยส์แลนด์ จำกัด ในปัจจุบัน"พิมพ์พิศา" หรือ "คุณนุ้ย" เริ่มเข้ามาทำงานกับธุรกิจครอบครัวตั้งแต่เรียนจบเมื่อ 15-16 ปีที่แล้ว ในแผนกการขาย พร้อมกับเรียนรู้ทุกๆ อย่างภายในบริษัท เพราะเธอเองก็เรียนจบปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ด้านการตลาดและจบโทด้านบริหารจาก National University San Diego California สหรัฐอเมริกา

[caption id="attachment_43588" align="aligncenter" width="335"] พิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์ พิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์[/caption]

เธอเล่าว่า ในช่วงเริ่มต้นทำงาน 1-2 ปีแรก ยอดขายของบริษัทลดลงต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการที่เธอยังใหม่กับธุรกิจ และสภาพตลาดเปลี่ยน คนหิ้วของจากจีนเข้ามาขาย ทำให้ราคาต่ำลง เธอจึงเริ่มมองหาตลาดใหม่จากวิกฤติที่เกิดขึ้น จากเดิมที่นำเข้าสินค้าของเล่นจากจีน ที่ไม่มีแบรนด์มาขาย และขายส่งในสำเพ็ง และเป็นตัวแทนจำหน่ายต่างๆ แต่เมื่อตลาดเปลี่ยนเธอก็รีบปรับตัว โดยมองว่า การรุกเข้าสู่ตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ น่าจะทำให้ได้ราคาที่ดีกว่า สินค้าก็เปลี่ยนเป็นการซื้อไลเซนส์แบรนด์ที่มีลิขสิทธิ์ และเป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยม โดยเริ่มต้นในปี 2548 กับการนำเข้าสินค้าลิขสิทธิ์ของดิสนีย์มาจำหน่าย จนได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทแมทเทลเซาท์อีสเอเชีย จำกัด ให้เป็นตัวแทนนำหน่ายสินค้า Fisher Price สินค้าเสริมพัฒนาการเด็ก ทำให้เธอประสบความสำเร็จ และได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอื่นๆ เช่น Famosa และ Barney และขยายเพิ่มเติมมาถึง Pixar Cars, Toy Story, Thomas&Friends และ Barbie

ในช่วงแรกๆ ของการเปลี่ยนผ่านระบบการทำงาน จากที่เคยขายส่ง มาเป็นขายตรงเข้าห้าง และต้องขายสินค้าแบรนด์เนมที่มีเจ้าของลิขสิทธิ์เข้ามาประสานการทำงาน และวางแผนการตลาด ย่อมมีความขรุขระบ้างกับระบบการบริหารงานแบบเก่า แต่ด้วยความใกล้ชิด ที่เธอพร้อมลุยกับทีมงาน ทั้งคนเก่าและคนใหม่ จึงสามารถผสมผสานกลมกลืนกันได้อย่างดี

"ตอนแรกที่เข้ามาทำงาน จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ทำมา ก็ดีอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะนโยบายของพ่อแม่ คือค่อยๆ เติบโต ไม่เหมือนคนสมัยนี้ที่อยากเติบโตแบบก้าวกระโดด พ่อแม่เน้นว่าค่อยๆ เติบโต เพราะท่านก็ไม่ได้มีเงินทุนอะไรมากมาย เราก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป"

การอบรมพนักงาน รุ่นของคุณพ่อคุณแม่ ก็สอนให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจใดๆ ทั้งองค์กรและพนักงานจึงได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย

"คุณนุ้ย" บอกว่า สิ่งที่ดีๆ ที่รุ่นพ่อแม่เคยทำมา เธอยังคงไว้ ส่วนอันไหนที่ไม่ดีก็พยายามปรับปรุง แต่ปัญหาที่เผชิญอยู่ตอนนี้คือ ปัญหาด้านบุคลากร ที่หาคนทำงานอดทนยาก คนไทยรู้ภาษาดีๆ มีความอดทนน้อย แต่เธอก็แก้ไขด้วยการพยายามดูแลเขาให้ดี เพราะการที่เขาได้เข้ามาทำงาน นั่นคือเราได้คัดเลือกเขามาแล้วระดับหนึ่ง ดังนั้นการดูแลใกล้ชิดกับพนักงานทุกๆ คน เพื่อรับรู้ปัญหาและได้สัมผัสการทำงานร่วมกัน จะทำให้เข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่การล้วงลูก แต่การทำงานไปด้วยกัน

ขณะนี้ ทุกอย่างภายในองค์กรกำลังเดินหน้าไปด้วยดี ยอดขายของวังเด็ก เติบโตมากขึ้นทุกปี และกำลังจะขยายเพิ่มขึ้น เมื่อผู้บริหารหญิงเก่งคนนี้ มีไอเดียที่จะนำระบบการขายส่งกลับมาอีกครั้ง โดยการประสานงานกับพันธมิตรคู่ค้าจากต่างประเทศอย่างเต็มที่ ดูว่าสินค้าไหนที่เหมาะสมกับการทำตลาดค้าส่ง ความทำกิจกรรมการตลาดอย่างไร โปรโมชันอย่างไร เพื่อบุกตลาดตรงนี้อีกครั้ง ซึ่ง "คุณนุ้ย" บอกว่า จะได้เริ่มอย่างเป็นรูปธรรมในปีนี้แน่นอนและจะส่งผลให้ยอดขายของวังเด็ก เติบโตได้อีกไม่น้อยกว่า 10% และอนาคตจะมีแบรนด์สินค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมในตลาดอีกแน่นอน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,146 วันที่ 7 - 9 เมษายน พ.ศ. 2559