TPIPP มั่นใจดันรายได้ปีนี้แตะ 1.3หมื่นล.ชูแผนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า

07 เม.ย. 2563 | 06:44 น.

TPIPP ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 13,000 ลบ.  ชูแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า ลุยประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะเพิ่ม

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่าในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ 13,000 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 10,905 ล้านบาท ( เติบโตประมาณ 19% ) โดยมุ่งเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) เพิ่มขึ้นอีก 3 ตัว คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2563 ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 95%

 

ส่วนแผนงานระยะยาว ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยจะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power purchase agreement : PPA) ในส่วนสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก (VSPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เพื่อขยายการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยพิจารณาโครงการที่มีอัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) และความเสี่ยงที่มีความเหมาะสม

ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) บริษัทฯ ได้รับเชิญจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำเสนอโครงการแผนลงทุนเพื่อพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยบริษัทฯได้อาสาที่จะลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดสีเขียว นิคมอุตสาหกรรม การก่อสร้างท่าเรือเพื่อการพาณิชย์และการท่องเที่ยว ในพื้นที่ Southern Seaboard เนื่องจากมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการในปัจจุบันกว่าหนึ่งหมื่นไร่

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น โดยได้จ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานปี 2562 ในอัตรารวม 0.40 บาทต่อหุ้น ถือเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน และปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสดที่ดี รวมถึงได้ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยภายใต้สถานการณ์ตลาดหุ้นที่ผันผวน TPIPP จึงเป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีระดับ P/E ต่ำ แต่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง

 

บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิต (Credit Rating) จาก TRIS ในส่วนของบริษัทฯ (Stand-alone Basis) ที่ระดับ A และได้รับการจัดอันดับเครดิตขององค์กรที่ระดับ BBB+/ Stable เท่ากับอันดับเครดิตของ TPIPL ซึ่งเป็นบริษัทแม่

นายภัคพล กล่าวต่อว่า บริษัทฯในเครือทั้งหมดได้ประเมินและติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิดมาตลอด พร้อมดำเนินตามการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยต่าง ๆ สอดรับนโยบายของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นข้อกำหนดในการปฏิบัติงาน และการดำเนินธุรกิจ อย่างเคร่งครัด โดยได้ตั้งจุดคัดกรองบริเวณทางเข้าอาคารและโรงงาน และพ่นยาฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดอาคารสำนักงาน และติดตั้งเจลล้างมือฆ่าเชื้อ (แอลกอฮอลล์กว่า 70%) ไปตามจุดต่าง ๆ ในบริษัทฯ  และเดินหน้าแผนธุรกิจเพื่อให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานและความสามารถการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯแต่อย่างใด