2 แม่ทัพ KBank โชว์แผนฝ่าวิกฤติ

07 เม.ย. 2563 | 06:36 น.

"กอบกาญจน์"ผนึก "ขัตติยา" รับโจทย์นำแบงค์กสิกรไทยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจและสู้ศึกดิสรัปชัน (Disruption) พร้อมขับเคลื่อนเร็วรับทุกการเปลี่ยนแปลง คาดหากโควิด-19 คุมได้ในไตรมาส 2 จีดีพีติดลบ 5.0%

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจไทยอ่อนแอลง  โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ปัญหาคุณภาพสินเชื่อจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับธุรกิจธนาคาร โดยอาจต้องติดตามสถานการณ์ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้กลุ่มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งที่พึ่งพิงตลาดและกำลังซื้อในประเทศ และที่พึ่งพิงตลาดส่งออก ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 

 

อย่างไรก็ตามคาดว่ามาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ จะมีส่วนสำคัญในการลดทอนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์การปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะช่วยลดภาระการกันสำรองของสถาบันการเงิน

 

2 แม่ทัพ KBank โชว์แผนฝ่าวิกฤติ

 

นางกอบกาญจน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ส่งผลให้การทบทวนประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2563 คาดว่าจะหดตัว -5.0%  โดยมีสมมติฐาน ดังต่อไปนี้ สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยและต่างประเทศ สามารถควบคุมจำนวนการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อได้ในภายในไตรมาสที่ 2​


เศรษฐกิจโลกและไทยคาดว่า จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2563 ,นโยบายการเงินและการคลังที่ทยอยออกมาแล้ว และที่กำลังจะตามมา จะช่วยประคองกลไกทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการเงินให้สามารถดำเนินต่อไปได้

 

อย่างไรก็ตาม ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยปีนี้ คือ การใช้จ่ายของภาครัฐที่จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว การส่งออก การบริโภค และการลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ
 

นางกอบกาญจน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ทิศทางของธนาคารกสิกรไทยที่ดำเนินต่อจากนี้ คือ เข้าไปช่วยเหลือลูกค้าธนาคารในหลาย ๆ ทาง พร้อมมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่จะมีส่วนสำคัญในการลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ และในอนาคตข้างหน้า 


"นอกจากการฝ่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้แล้ว ธนาคารกสิกรไทยจะยังคงบทบาทการเป็นสถาบันการเงินชั้นนำ ที่จะเป็นตัวจักรสำคัญในการพลิกฟื้นระบบเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ และพร้อมเสมอที่จะรับมือกับความท้าทายรูปแบบใหม่อื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต"

2 แม่ทัพ KBank โชว์แผนฝ่าวิกฤติ

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยต่อจาก ได้แก่การส่งมอบบริการทางการเงินไปถึงลูกค้ารายรายเล็กให้ได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยยังคงหลักระมัดระวังและการบริหารความเสี่ยงที่ดี ซึ่งเป็นโจทย์ที่ควรเร่งทำเป็นอันดับต้นเพราะจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เป็นโจทย์ของธนาคารทั้งในฐานะคนทำธุรกิจและพลเมืองของประเทศ

 

การจัดการด้านต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity management) ให้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการถึงลูกค้าได้ดีขึ้น เร็วขึ้น และถูกลง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน  และ การจัดการด้านทรัพยากรบุคคล ที่ต้องมีการยกระดับทักษะความสามารถพนักงาน ให้พร้อมรับมือกับภาวะการเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีใหม่ ๆ 
 

นางสาวขัตติยา กล่าวเพิ่มเติมว่า โลกเปลี่ยนไป ทั้งบทบาทของเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและการแข่งขันในธุรกิจรวมกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เข้ามากระทบ ปัจจัยที่จะมาสั่นคลอนและท้าทายชีวิตของลูกค้ามีมากขึ้น ทั้งเชิงธุรกิจและชีวิตส่วนตัว แต่ธนาคารกสิกรไทยจะช่วยเพิ่มอำนาจให้กับการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของลูกค้า (Empower Every Customer’s Life and Business) ทั้งการสนับสนุนแหล่งเงินทุน บริการทางการเงิน การให้ข้อมูล และโอกาสในการพบผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะกับธุรกิจ 

 

 "การพาองค์กรฝ่าวิกฤติการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 นับเป็นโจทย์สำคัญอันดับแรกในขณะนี้ ซึ่งนับตั้งแต่การระบาดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ธนาคารกสิกรไทยได้มีการออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าด้านสินเชื่อไปแล้ว 115,000 ราย ยอดสินเชื่อ 124,000 ล้านบาท และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการและลูกค้าบุคคลที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง" 

 

นางสาวขัตติยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีเป้าหมายสำคัญในการฝ่าวิกฤตินี้ คือ พนักงานปลอดภัย สามารถส่งมอบบริการได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าให้ได้มากที่สุด และเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศต่อไป