ปฐมบท เมียงมอง เมียนมา

07 เม.ย. 2563 | 03:56 น.

คอลัมน์: เมียงมอง เมียนมา

 

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านและแฟนคลับของผมทุกๆท่าน บางท่านอาจจะเคยได้อ่านบทความของผมทางไลน์กลุ่มต่างๆ ทาง Facebook ทางหน้าหนังสือพิมพ์ และทางรายการวิทยุอ.ส.ม.ท. FM 100.5 ทุกเช้าพฤหัสบดี ในรายการ Good morning Asian  โดยที่ผ่านๆมา ผมจะนำเอาประสบการณ์ที่ผมเข้าไปทำธุรกิจในประเทศอินโดจีน(ชื่อในอดีต ปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาเป็น CLMV แล้ว) มาเล่าให้เพื่อนๆพี่ๆฟัง โดยไม่มีปิดบัง เพราะจะได้ไม่ต้องไปลองผิดลองถูก เหมือนที่ผมและเพื่อนๆนักธุรกิจหลายรายทำกัน เพราะการค้าต่างประเทศในแถบนี้ มีอะไรน่าสนใจ และสลับซับซ้อนพอควร อีกทั้งยังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และมีโอกาสทางการค้าที่สูงมาก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีโอกาสมาก ก็มีคู่แข่งมากตามไปด้วย

 

ผมจึงได้เขียนบทความ “เปิดประตูเมียนมา” และ “ขุมทรัพย์ชายแดนไทย” ลงในหนังสือพิมพ์บางฉบับอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์มาหลายปี อีกทั้งยังได้ออกตีพิมพ์เป็นหนังสือ Pocketbook แจกจ่ายฟรี (พิมพ์ครั้งที่สองไปแล้ว) เพื่อเป็นแนวทางในการทำธุรกิจในแถบนี้ อีกทั้งให้เป็นแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นหลังๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลย โดยผมได้ขอสปอนเซอร์จากบริษัทห้างร้านที่ผมเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าของเขาอยู่ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (Exim Bank) มาสมทบทุนให้ เพราะเงินที่ได้จากการสมทบทุนนี้

 

ผมได้ตั้งเป็นกองทุนมอบให้แก่นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงทั้งหมดโดยไม่หักค่าพิมพ์ เพราะค่าพิมพ์หนังสือผมควักกระเป๋าเองทั้งหมด ผมขอเป็นตัวแทนนักศึกษาที่ได้รับทุนทุกคน ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้ใจบุญทุกท่าน ที่ได้ร่วมสมทบทุนมาทั้งหมดร่วมล้านบาท มาณ.ที่นี้ด้วย

 

ในประเทศ CLMV ทั้งหมดที่มีพรมแดนติดอยู่กับประเทศเรา หรือไม่มีพรมแดนติดกับเราก็ตาม ที่ผมได้เข้าไปทำธุรกิจการค้า-การลงทุนเหล่านี้ ระยะหลังๆมาผมจะเข้าไปที่เมียนมามากที่สุด เพราะผมมีบริษัทที่ผมทำมานานเกือบสามสิบปีที่นครย่างกุ้ง ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ เพราะผมเข้าไปค้าขายวันแรกเมื่อปีค.ศ. 1990 ส่วนที่เวียดนามผมก็เข้าไปค้าขายมานาน ประมาณยี่สิบหกปีมาแล้ว ยังมีที่ประเทศกัมพูชา ผมก็เข้าไปก่อนใครเพื่อน โดยในยุคนั้นยังมีการสู้รบกันระหว่างเขมรสามฝ่ายอยู่เลยครับ

 

ผมกล้าพูดว่าผมเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้าไปในช่วงนั้น คือประมาณปีค.ศ. 1987  และเข้าไปทำ Activity จัดงานรื่นเริงในเมืองพระตะบอง ผมจึงมีข้อมูลสามารถนำมาถ่ายทอดเป็นวรรณกรรมให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้ทัศนากันครับ อย่างไรก็ตาม ในคอลัมน์นี้ผมจะพยายามไม่เล่าเรื่องเก่าที่ซ้ำๆเดิมๆมาให้ท่านได้อ่านซ้ำอีกเด็ดขาด ผมจะหาข้อมูลและวัตถุดิบใหม่ๆมาเขียนเล่าให้ท่านอ่านนะครับ

 

คอลัมน์ “เมียงมอง เมียนมา” นี้ ผมจะขออนุญาตท่านผู้อ่านว่า อาจจะมีเหตุการณ์อะไรใหม่ๆของประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศเมียนมา หรือเหตุการณ์ที่น่าสนใจของประเทศ CLMV สอดแทรกมาบ้าง เป็นการผ่อนหายใจนะครับ อย่างไรก็ตาม ผมจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศเมียนมาเป็นหลัก และผมจะเขียนลงในคอลัมน์นี้อาทิตย์ละหนึ่งวันก่อน ถ้ามีความจำเป็นก็อาจจะเพิ่มมากขึ้น ถ้ามีเสียงเรียกร้องหรือต้องการก็เป็นไปได้นะครับ

สำหรับเนื้อหาสาระ ก็จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ แต่จะไม่แตะต้องเรื่องการเมือง(นอกจากจำเป็นในช่วงเลือกตั้ง) ซึ่งผมจะพยายามเป็นกลางให้มากที่สุด อีกทั้งเรื่องศาสนา ซึ่งละเอียดอ่อนมาก และเรื่องความเข้าใจอันดีงามระหว่างประชาชนผมจะพยายามไม่แตะต้องโดยเด็ดขาด ผมจะขออนุญาตทำหน้าที่ผู้สื่อสารทางวรรณกรรมให้เกิดความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งสองประเทศ หรืออาจจะเรียกให้ไพเราะว่าทำหน้าที่ฑูตประชาชนโดยไม่ต้องให้ใครมาแต่งตั้งให้ก็ได้ครับ

 

ก่อนที่ท่านจะได้เริ่มอ่านบทความของผม (สำหรับแฟนคลับเก่า อาจจะรู้จักผมมาแล้ว ก็ขออภัยที่ต้องโฆษณาตัวเองอีก) ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมชื่อ นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ เพศชายเต็มร้อยไม่มีผสม ผมมาจากเด็กบ้านนอกที่โคราช การศึกษาช่วงมัธยมต้นผมจบมาสูงมาก คือจบมาจากโรงเรียนสันติคีรี (ซึ่งเป็นโรงเรียนภาษาจีน)บนดอยแม่สะลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และได้มีโอกาสน้ำข้ามทะเลไปเรียนจบอย่างทุลักทุเลระดับมัธยมปลาย ที่โรงเรียนเฉินกง ที่เมืองไทเป ไต้หวัน และกลับมาเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง

สำหรับปริญญาตรีสองใบ คือจบเศรษฐศาสตร์ การเงิน และนิติศาสตรบัณฑิต ส่วนปริญญาโทจบเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะเศรษฐศาสตร์ อุตสาหกรรม ได้เปิดบริษัทส่งออกอาหารทุกชนิด ชื่อบริษัท สากลธุรกิจ เลิศรวมมิตร จำกัด และอีกหลายบริษัทในเครือ เป็นอาจารย์พิเศษที่คณะเศรษฐศาสตร์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ และคณะบริหารธุรกิจฯระดับปริญาโท วิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

รวมถึงตำแหน่งเป็นประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา และประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา-ไทย ที่ประเทศเมียนมาด้วยครับ หวังว่าจะได้นำเอาความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีอยู่ มาถ่ายทอดให้ท่านได้อ่านเล่น ในสไตล์ของผมนะครับ เราพบกันอาทิตย์หน้าเป็นต้นไปครับ