“กรณ์”จับตา 3 พรก.สู้โควิด แนะรัดกุม-ยุติธรรม-ทั่วถึง

06 เม.ย. 2563 | 09:52 น.

“กรณ์”จับตา 3 พระราชกำหนดสำคัญสู้โควิด แนะเทคนิค“คลัง” ดำเนินการรัดกุม-ยุติธรรม-ทั่วถึง

วันนี้ (6 เม.ย.63) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง และว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก แนะนำให้จับตา 3 พระราชกำหนดสำคัญเพื่อรับมือต่อวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด โดยระบุว่า

 

วันอังคารนี้ ครม. จะพิจารณา 3 พระราชกำหนดสำคัญ คือ 1. พ.ร.ก.กู้เงิน 2. พ.ร.ก.สินเชื่อช่วย SME 3. พ.ร.ก.ให้แบงก์ชาติรับซื้อพันธบัตรเอกชนไทย

 

ทั้ง 3 เรื่องเป็นเรื่องสำคัญ ผมจะรอดูรายละเอียดก่อนแสดงความเห็นเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นมีประเด็นนำเสนอให้พิจารณา (และระมัดระวัง) ตามนี้ครับ

 

1. พ.ร.ก.กู้เงิน หลักการของการออก พ.ร.ก.กู้เงิน คือเพื่อเสริมกำลังเงินให้รัฐเพิ่มเติมจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณกำหนดไว้ และเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาที่เร่งด่วนเกินกว่าที่จะรอเงินงบประมาณปีถัดไป

 

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้เห็นก่อนอื่นเลย คือรัฐบาลต้องปรับงบที่ไม่เร่งด่วนหรือชัดเจนว่าใช้ไม่ทันสิ้นปีงบประมาณ และเอางบนั้นมาจัดสรรใหม่ในการต่อสู้กับสภาวะวิกฤติ เรื่องนี้นายกฯสั่งไปแล้ว และน่าจะมีความชัดเจนพรุ่งนี้

 

ขั้นตอนที่ 2 คือรัฐยังมีวงเงินกู้ตามเพดานตามกฎหมายในปีงบประมาณ (เหลืออยู่ประมาณ 300,000 ล้านบาท) รัฐควรพิจารณาวิธีใช้วงเงินนี้ก่อนที่จะออก พ.ร.ก.

 

หากยังต้องออกพ.ร.ก. รัฐต้องออก พ.ร.ก. ในวงเงินที่จะใช้จริงอย่างเร่งด่วนทันทีเท่านั้น ส่วนที่เหลือควรเป็นการใช้เงินในงบประมาณปี 2564 ซึ่งต้องมีการรื้อใหม่ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

 

2. พ.ร.ก.สินเชื่อ SME  ประเด็นสำคัญคือแบงก์ชาติจะมีระบบประเมินความยุติธรรมในการเข้าถึงวงเงินจากแบงก์ชาติอย่างไร ผมคิดว่าแบงก์ชาติคงใช้กลไกธนาคารในการส่งวงเงินผ่านไปถึง SMEs จึงมีประเด็นว่าจะตรวจสอบอย่างไรว่าผู้เดือดร้อนจริงได้รับการช่วยเหลือ ไม่ใช่เพียงลูกค้าเดิมของธนาคาร

3. พ.ร.ก.ให้แบงก์ชาติรับซื้อพันธบัตรเอกชนไทย กฎหมายนี้น่าจะสุ่มเสี่ยงที่สุดเพราะไม่เคยมีมาตรการนี้ในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งแบงก์ชาติปกติจะเป็น ‘ผู้ปล่อยกู้แนวสุดท้าย’ (lender of the last resort) แต่หากแบงก์ชาติมารับการ rollover พันธบัตรตามข่าวที่ปรากฏ แบงก์ชาติจะเป็นผู้ซื้อธนบัตรในฐานะผู้ซื้อโดยตรงเป็นครั้งแรก ซึ่งคำถามที่จะตามมาคือ

 

1. แบงก์ชาติจะซื้อในราคาเท่าไร 2. ผู้ถือหุ้นและธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้จะร่วมรับผิดชอบอย่างไร (ไม่ควรเป็นการโอนความเสี่ยงและผลขาดทุนทั้งหมดมาที่แบงก์ชาติ โดยที่ผลกำไรในอนาคตยังอยู่ที่นายทุนเหมือนเดิม)

 

3. มาตรการนี้เป็นการนำเงินสำรองมาช่วยอุ้มผู้ประกอบการใหญ่ จึงมีคำถามว่าผู้ประกอบการ SMEs ที่ระดับเครดิตตํ่ากว่าเกรดที่แบงก์ชาติพร้อมรับ จะได้รับการช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่

ผมได้ปรึกษาผู้ที่มีประสบการณ์อีกหลายท่าน เราเห็นเพิ่มเติมว่าแบงก์ชาติควรต้อง

 

1. เริ่มประเมินสถานการณ์ของแต่ละบริษัทที่ออกพันธบัตรแต่เนิ่นๆ เพื่อกำหนดทั้งโครงสร้างการเงินที่เหมาะสมโดยรวมของกิจการ (อย่ารอให้ใกล้ช่วงพันธบัตรจะหมดอายุ)

 

2. กำหนดแผนยุทธศาสตร์การดำเนินการของผู้ประกอบการในช่วงนี้และช่วงหลังวิกฤติ

 

3. เจรจาร่วมกับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นในการกำหนดการแบ่งรับภาระความเสียหายและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น และกำหนดระดับความช่วยเหลือที่จะได้รับจากธนาคารกลาง

 

“เรื่องการเตรียมกู้วิกฤติเศรษฐกิจจากโควิดเป็นเรื่องต้องทำแน่นอน และต้องทำอย่างรัดกุม ยุติธรรมและทั่วถึง ขอเป็นกำลังใจให้ทีมแบงก์ชาติ ทีมคลัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนครับ”