กองทุนบัวหลวง ขยายเวลา IPO กอง 'BEQSSF' เพิ่ม 7-8 เม.ย. นี้

06 เม.ย. 2563 | 05:28 น.

กองทุนบัวหลวง ขยายเวลา IPO กอง 'BEQSSF' เพิ่ม 2 วัน 7-8 เม.ย. หลังนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี นับตั้งแต่วันแรกที่เสนอขาย แนะการลงทุนหุ้นใน 10 ปีมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัดเปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) "กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นไทยเพื่อการออม" หรือ 'BEQSSF' ไปแล้ว 3 วันคือ 1-3 เมษายนที่ผ่านมาพบว่า นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงจะเปิดขาย IPO ต่อเนื่องอีก 2 วันคือ 7-8 เมษายนนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 เฉพาะวงเงินพิเศษ ไม่เกิน 200,000 บาท ยังสามารถไปลงทุนได้ที่ธนาคารกรุงเทพ รวมทั้งตัวแทนขายหน่วยลงทุนทุกแห่ง

 

กองทุนบัวหลวง ขยายเวลา IPO กอง 'BEQSSF' เพิ่ม  7-8 เม.ย. นี้

 

ทั้งนี้ผู้ลงทุนที่จะลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Saving Fund หรือ SSF พิเศษ)จะต้องเป็นบุคคลธรรมดา เพราะว่า ภาครัฐตั้งใจจะให้นำรายการนี้ไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา และกองทุนนี้ มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงต้องมีความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้   และต้องลงทุน 10 ปีเพื่อให้ได้สิทธิทางภาษี ดังนั้น นักลงทุน จึงจะสามารถขายหน่วยลงทุนนี้ได้ ดังนั้นผู้ลงทุนต้องมั่นใจว่า จะไม่ใช้เงินก้อนนี้ในช่วงระยะเวลา 10 ปี นับจากนี้ไป และหากต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก SSF พิเศษ จะต้องลงทุน ภายในวันที่ 1 เมษายน  ถึง 30 มิถุนายน 2563 นี้ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีผู้ลงทุนสอบถามเข้ามามากพอสมควร ว่า การลงทุนใน SSF พิเศษ คุ้มค่าหรือไม่ น่าลงทุนหรือไม่ เพราะต้องใช้เวลา 10 ปี ในประเด็นนี้ ขอให้คำแนะนำว่า ผู้ลงทุนต้องรู้และเตรียมใจไว้ก่อน ว่า จะไม่ใช้เงินก้อนนี้ในช่วงระยะเวลา 10 ปีจากนี้ เมื่อมั่นใจแล้ว ให้คิดว่า การลงทุนครั้งนี้ เหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เรานำต้นกล้าลงไปปักบนพื้นดิน แล้วรอเวลาให้ต้นไม้เติบโต ด้วยเหตุนี้ จึงอยากให้ผู้ลงทุน มองว่า การลงทุนในกองทุน BEQSSF ซึ่งเป็นกองทุน SSF พิเศษครั้งนี้ คุ้มค่าและมีโอกาสมากกว่า

หลายคน ถามว่า จะลงทุนในหุ้นเวลานี้ ก็ยังกลัวๆ กล้าๆ แล้วจะมั่นใจได้ 100% หรือไม่ว่า จะกำไร  ก็ต้องบอกกับผู้ลงทุนว่า ในทุกๆ ช่วงของเศรษฐกิจ เวลาเราตัดสินใจลงทุนไป จะเกิดผลด้านใดด้านหนึ่ง อาจจะสมหวัง หรือผิดหวัง หรือเฉยๆ หากลงทุนแล้ว ราคาขึ้นมากกว่าที่เราซื้อไว้ เราก็ดีใจ ถ้าเกิดราคาต่ำกว่า เราก็รู้สึกว่า ผิดหวัง แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่ลงทุน แล้วราคาขึ้น เราอาจรู้สึกเสียดาย หรืออาจจะนึกในภายหลังว่า รู้อย่างนี้น่าจะลงทุนแล้ว สำหรับกองทุน BEQSSF ใช้เวลาลงทุน 10 ปี ดังนั้น ก็น่าจะมีโอกาสสมหวังมากกว่าผิดหวัง