ศูนย์กักกันกำแพงแสนพร้อมรับคนไทยจากอินโดนีเซีย

05 เม.ย. 2563 | 09:05 น.

“หมอหนู” ตรวจเยี่ยม State Quarantine โรงเรียนการบินกำแพงแสน กองทัพอากาศ สถานที่รองรับคนไทยกลับจากอินโดนีเซีย 75 คน ตรวจพบผู้มีไข้ 4 คน มีผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 คน ส่งรักษา-ตรวจเพิ่มที่ร.พ.จันทรุเบกษา-ร.พ.กำแพงแสนแล้ว

5 เมษายน 2563 ที่ จ.นครปฐม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ เยี่ยมศูนย์เฝ้าระวังกักกันรัฐบาล (state Quarantine) โรงเรียนการบินกำแพงแสน  ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ร่วมกับกองทัพอากาศจัดตั้งขึ้น  เพื่อรองรับคนไทยกลับจากประเทศเสี่ยงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมมอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ 6,000 ชิ้น ไว้ใช้ในการดูแลผู้เข้ารับการกักกันโรค

 

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดเตรียมศูนย์เฝ้าระวังกักกันรองรับคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเป็นเวลา 14 วัน  โดยในระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2563 ได้ส่งคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซียไปยังศูนย์เฝ้าระวังกักกัน โรงเรียนการบินกำแพงแสน จำนวน 75 คน เป็นชาย 33 คน หญิง 42 คน ทุกคนได้รับการตรวจสุขภาพ 

ในเช้าวันนี้ (5 เมษายน 2563) ตรวจพบมีผู้มีไข้ 4 คน และมีผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 คน ได้ส่งทั้ง 8 คนไปดูแลรักษาตรวจเพิ่มเติมและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ที่โรงพยาบาลจันทรุเบกษา 6 คน และโรงพยาบาลกำแพงแสน 2 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล  ทั้งนี้  ในการดูแลจะมีบุคลากรด้านสาธารณสุขรวมทั้งทหาร หมุนเวียนปฏิบัติการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง วันละ 14 คน

 

“ต้องขอบคุณและชื่นชมในศักยภาพของกองทัพที่ทุ่มเท จัดเตรียมห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก ที่สะอาด ปลอดภัย ช่วยให้ผู้เข้าพักไม่เครียด ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้สูญเสียอิสรภาพ  ขอให้ผู้เดินทางกลับมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคทุกคนเข้ารับการกักกันโรค อย่าหลีกเลี่ยงเพราะอาจจะเป็นคนที่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น และยังผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ และผิดกฎหมาย ที่สำคัญเป็นการช่วยเหลือคนไทยไม่เสี่ยงติดโรคด้วย  หากอยู่ครบ 14 วัน ไม่มีไข้ ไม่มีอาการ ตรวจไม่พบการติดเชื้อ  สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างปลอดภัยทั้งตัวผู้กักกันโรคและญาติพี่น้อง” นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หากเราสามารถกักกันไว้ได้ โอกาสแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆ ก็จะเป็นศูนย์ ซึ่งภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สามารถลดจำนวนคนที่กลับมาจากประเทศเสี่ยงได้มาก  และลดจำนวนชาวต่างชาติถึงร้อยละ 90 อย่างไรก็ตาม ขอย้ำในเรื่อง การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เป็นวัคซีนที่ดีมากทำให้ลดการแพร่เชื้อ เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสู่สภาวะที่เป็นปกติสุขโดยเร็ว