กสอ.ดันอุตสาหกรรมชนบท นำร่อง 6 หมู่บ้านต้นแบบพัฒนาสินค้าโอท็อป

11 เม.ย. 2559 | 08:00 น.
กสอ.รุกส่งเสริมอุตสาหกรรมชนบท นำร่องฟื้นฟูสินค้าโอท็อป 6 หมู่บ้านตัวอย่างใน 6 จังหวัดทั่วไทย หวังเป็นต้นแบบยกระดับสินค้าโอท็อปไทย เพื่อกระจายรายได้ กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมให้ได้รับความนิยม

ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า สินค้าโอท็อปไทยยังคงประสบปัญหาหลายด้าน อาทิ สินค้าไม่มีความหลากหลาย ขาดเอกลักษณ์ ขาดการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง สินค้าไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและขาดช่องทางในการจัดจำหน่าย กสอ.จึงได้วางแนวทางพัฒนาสินค้าโอท็อปด้วยการลงพื้นที่ไปพัฒนาตั้งแต่ต้นทาง คือ ชุมชนหรือท้องถิ่นผู้ผลิตให้สามารถผลิตสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้นๆ โดยภายในปี 2559 ได้ตั้งเป้านำร่องพัฒนาหมู่บ้านโอท็อป 6 แห่งใน 6 จังหวัด ได้แก่

1. บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพื้นที่มรดกโลกทางวัฒนธรรมและเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาและผ้าทอมือ เป็นต้น 2. บ้านนาตีน อ.เมือง จ.กระบี่ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และมีผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว ผ้าบาติก สมุนไพรพื้นบ้านเพื่อสุขภาพ เป็นต้น 3. บ้านนาต้นจั่น อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย แหล่งมรดกโลกด้านอารยธรรม มีสินค้าโอท็อปขึ้นชื่อ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากผ้าหมักโคลน เครื่องถมเงิน เป็นต้น

4. บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ชุมชนเก่าแก่และต้นแบบในการจัดการธุรกิจท่องเที่ยว เชิงนิเวศ และเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักสานกะลา ทุเรียนกวน ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ เป็นต้น 5. บ้านโพธิ์กอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ มีสินค้าทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ เสื่อกก เครื่องจักสาน เครื่องประดับของสตรี กำไล เข็มขัด น้ำพริกป่นปลาช่อน เป็นต้น และ 6. บ้านนาตาโพ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี สินค้าที่โดดเด่นส่วนใหญ่เป็นผ้าทอลายโบราณบ้านนาตาโพ ที่นำมาทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ผ้าซิ่นจก ผ้าซิ่นตีนจก ผ้าคลุมไหล่ ผ้าคลุมเตียง ผ้าสไบ ผ้าขาวม้า ผ้ารองจาน เป็นต้น

ดร.สมชาย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เยี่ยมชมบ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย พบว่า ความสำเร็จของการดำเนินโครงการอยู่ที่การสร้างความเข้มแข็งของคนในพื้นที่ที่พร้อมจะพัฒนาชุมชนไปด้วยกัน โดย กสอ.จะทำหน้าที่ให้ความรู้ในการผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และปรับภาพลักษณ์ของสินค้าให้มีความทันสมัย รวมถึงการออกแบบที่ตอบโจทย์ตลาดสากล และบริหารจัดการเพื่อเชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างรายได้ด้วยการนำทรัพยากร ภูมิปัญญาในท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเกิดเป็นภาพลักษณ์ใหม่ให้สินค้าโอท็อปมีความทันสมัย และมีคุณค่าทางวัฒนธรรม

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวยังได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล โดยคาดว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์โอท็อปไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมทั้งยังจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้อย่างยั่งยืนต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,146 วันที่ 7 - 9 เมษายน พ.ศ. 2559