เกีย-ฮุนได กัดฟันสู้!โควิด

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก หลายโรงงานในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, สหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศไทยต้องประกาศหยุดการผลิตและปิดโรงงานชั่วคราว

ทั้งนี้เพราะยอดขายลดลง ชิ้นส่วนบางอย่างไม่สามารถผลิตและส่งมอบได้ เมื่อรวมกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจอย่างกำลังซื้อที่ลดลง หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และการที่ภาครัฐขอความร่วมมือในการควบคุมการแพร่ระบาด ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศของตลาดรถยนต์โดยรวมซบเซา

ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะผู้ผลิตที่มีโรงงานในประเทศไทยเท่านั้น เพราะผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการหลายแบรนด์ (Distributor) ก็ได้รับผลดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยแบรนด์ “เกีย” ที่นำเข้ารถยนต์จากเกาหลี และ เวียดนาม ก็มีปัญหาเรื่องการสั่งรถเพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศไทย

“ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สต๊อกรถของเราเริ่มเข้ามาน้อยลง เพราะที่เกาหลีได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ตอนนี้เรามีรถแค่บางสีที่ตอบโจทย์ลูกค้าเท่านั้น โดยตามปกติเราจะสั่งรถทุกเดือนแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ออร์เดอร์ของเดือนกุมภาพันธ์ก็เข้ามาเดือนมีนาคม ดังนั้นก็จะล่าช้าออกไป ส่วนแกรนด์ คาร์นิวัล รุ่น LX ที่เราเริ่มเปิดขายเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและได้รับผลการตอบรับที่ดี แต่ยังไม่สามารถเริ่มส่งมอบได้ เพราะรถรุ่นนี้ผลิตจากโรงงานเวียดนามและมีปัญหาเรื่องการนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบจากเกาหลีเช่นเดียวกัน ทำให้ยังไม่สามารถส่งรถมาที่ไทยได้” นางสาวฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด กล่าว

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้เกียต้องวางกลยุทธ์การตลาดกันใหม่ โดยเบื้องต้นจะบอกกล่าวกับลูกค้าว่ามีรถรุ่นไหน สีไหนที่สามารถรอรับได้เลย นอกจากนั้นแล้วก็จะมีแคมเปญ ที่ออกตั้งแต่วันนี้-30 เมษายน 2563 โดยลูกค้าที่ซื้อ แกรนด์ คาร์นิวัล รุ่น EX และ SXL รับดอกเบี้ย 0.99% , KIA Care Plus ประกอบไปด้วยวารันตี 5 ปี หรือ 150,000 กม., บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี, ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟรี ชุดแต่งบันไดข้างแท้จากเกาหลี

“โควิด -19 มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เดิมจะซื้อ แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็ช็อกและชะลอออกไปก่อน ประกอบกับมอเตอร์โชว์ที่เลื่อนออกไปก็ยิ่่งทำ ให้เราต้องวางแผนหรือหากลยุทธ์การขายอื่นๆ เข้ามาเพื่อดึงดูดใจลูกค้าโดยแนวทางตอนนี้ได้มีแคมเปญ ออกมาเพื่อกระตุ้นการขายรถที่มีอยู่ในสต๊อกของเรา พร้อมทั้งใช้ช่องทางออนไลน์เข้ามาเสริม”

“เกีย” ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะซื้อรถในตอนนี้ด้วยการ ส่ง “KIA Drive at Home” สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนทดลองขับรถถึงบ้าน โดยเกียจะนำรถทดลองขับไปส่งมอบถึงบ้านหรือสถานที่ลูกค้าสะดวก นอกจากนั้นแล้วยังมีบริการตรวจเช็กรถ “KIA Service from Home” ที่จะอำนวยความสะดวกด้วยการไปรับและส่งรถของลูกค้าถึงที่ เพื่อนำมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ โดยไม่ต้องเดินทางมาเอง

นางสาวฬสนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยังประเมินได้ยากว่าจะไปในทิศทางไหน เพราะหลายอย่างถูกเลื่อนออกไปก่อน แต่เบื้องต้นแผนงานที่เคยวางไว้เรื่องสินค้าใหม่ บริษัทมีแผนในครึ่งปีหลังอยู่แล้ว ดังนั้นก็ต้องรอดูว่าบริษัทแม่รวมไปถึงประเทศไทยจะฟื้นกลับมาเมื่อไร 

อย่างไรก็ตาม “เกีย” ยังมีแผนเกี่ยวกับการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายอยู่ โดยปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการ 21 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 10 แห่ง และต่างจังหวัด 11 แห่ง ซึ่งตามแผนงานที่ได้วางไว้ในปี 2563 จะเปิดเพิ่มอีก 4 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ 2 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 2 แห่ง

 ขณะที่แบรนด์เกาหลีอีก 1 รายอย่าง “ฮุนได” ก็ยอมรับว่าการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในทางลบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่าความเชื่อมั่นของลูกค้าลดลง ดังนั้นยอดขายจึงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของฮุนไดได้ปรับแผนงานบางอย่างแม้จะมีการเลื่อนมอเตอร์โชว์ออกไป แต่บริษัทยังมีการจัดโรดโชว์ หรืออีเวนต์ต่างๆพร้อมทั้งข้อเสนอพิเศษเพื่อช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า อาทิ ฮุนไดรุ่นเอช-วัน เดอลุกซ์ และ อีลิท ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน หรือ ฟรีค่าบำรุงรักษานาน 60 เดือน พร้อมบัตรนํ้ามันมูลค่า 30,000 บาท (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง )และลูกค้าที่จองรถฮุนไดทั้ง 2 รุ่นจะได้รับฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, รับประกันคุณภาพนาน 60 เดือน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 60 เดือน

ส่วนลูกค้าเก่าที่ใช้รถยนต์ฮุนได รับส่วนลดเพิ่มจำนวน 1 หมื่นบาทเมื่อซื้อและจองรถยนต์ฮุนไดรุ่นใดก็ได้ในช่วงแคมเปญพิเศษนี้

ส่วนแผนงานด้านขยายเครือข่าย ที่ปัจจุบันมีจำนวน 27 แห่งนั้น ในเบื้องต้นต้องรอดูทิศทางตลาด แต่จากการประกาศลงทุนสร้างโรงงานฮุนไดแห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งแน่นอนว่าตลาดประเทศไทยจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าว ทำให้ประเมินได้ว่าอาจจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตที่จะมีขึ้นในอนาคต

หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,562 วันที่ 2 - 4 เมษายน พ.ศ. 2563