อีสท์สปริง สิงคโปร์ ส่งทีมเสริมทัพบริหารกองทุนในไทย

31 มี.ค. 2563 | 04:17 น.

ทีเอ็มบีเผย อีสท์สปริง อินเวสท์เมนท์ (สิงคโปร์) ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าเสริมทัพบลจ.ทหารไทย อิสท์สปริงทันที หลังประกาศปิด 4 กองทุน คาดทยอยคืนเงินลูกค้ากองทุนได้ทุกๆ 2 สัปดาห์ ยันพร้อมหนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเสริมสภาพคล่องระยะสั้น ลูกค้าทั้ง 4 กอง

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ทหารไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า อีสท์สปริง อินเวสท์เมนท์ (สิงคโปร์) ในฐานะพันธมิตรหลักได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเสริมทัพร่วมกับทีมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ).ทหารไทย อิสท์สปริง (TMB Eastspring) เพื่อนำเงินลงทุนมาจัดสรรคืนให้กับผู้ถือหน่วยทุกคน หลังบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริงประกาศปิด 4 กองทุน โดยคาดว่า จะสามารถทยอยจัดสรรเงินคืนให้ลูกค้าทั้ง 4 กองทุน ในต้นสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรก ภายในกรอบสัดส่วนสูงสุด 10% จากนั้นทยอยคืนในทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งคาดว่าใน 1 เดือน ผู้ถือหน่วยจะได้รับเงินคืนภายในกรอบสัดส่วนสูงสุด 20% ตามกระแสเงินสดที่จะเข้ามาจากสินทรัพย์ที่ครบอายุ

อีสท์สปริง สิงคโปร์ ส่งทีมเสริมทัพบริหารกองทุนในไทย

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้บลจ.อยู่ระหว่างศึกษาวิธีการที่จะเพิ่มกลไกให้กองทุนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดสรรเงินลงทุนคืนเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน และคาดว่าจะจัดสรรเงินคืนให้ได้ทั้งหมดหรือให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลา 3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ที่สำคัญคือหลังจากปิดกองทุนพบว่าช่วยลดแรงกดดันต่อราคาและมูลค่าหน่วยลงทุน หรือ NAV ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ในส่วนของทีเอ็มบี ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 35% ในบลจ.ทหารไทย  และมีฐานะเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายกองทุนก็พร้อมให้การสนับสนุนในกรณีที่กำหนดการจัดสรรเงินคืนดังกล่าวอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินทุนระยะสั้นของลูกค้ากองทุนบางราย จึงได้ออกโปรแกรมช่วยเหลือในรูปแบบสินเชื่ออัตราพิเศษสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนทั้ง 4 กองทุน ครอบคลุมทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนกลุ่มลูกค้าธุรกิจทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าทีเอ็มบีหรือไม่ใช่ลูกค้าปัจจุบันของทีเอ็มบีก็ตาม

อีสท์สปริง สิงคโปร์ ส่งทีมเสริมทัพบริหารกองทุนในไทย

โดยลูกค้ารายย่อยนั้น สามารถขอสินเชื่อได้วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ยพิเศษที่ 0.17% ต่อเดือน สำหรับวงเงิน 1 ล้านบาทแรก และ 0.25% ต่อเดือน สำหรับวงเงินส่วนที่เกิน 1 ล้านบาทขึ้นไปจนถึง 5 ล้านบาท ส่วนกลุ่มลูกค้าธุรกิจนั้น ธนาคารกำหนดวงเงินสูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย ด้วยดอกเบี้ย 0.17% ต่อเดือน สำหรับวงเงิน 1 ล้านบาทแรก และ 0.25% ต่อเดือนส่วนวงเงินส่วนที่เกิน 1 ล้านบาทขึ้นไปจนถึง 5 ล้านบาท และดอกเบี้ย 0.33% ต่อเดือน สำหรับวงเงินส่วนที่เกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปจนถึง 50 ล้านบาท ซึ่งจะพิจารณาวงเงินให้สินเชื่อจากมูลค่าหน่วยลงทุนคงเหลือของลูกค้า (มูลค่าหน่วยลงทุนของลูกค้า ณ วันประกาศปิดกองทุนหักออกด้วยยอดเงินที่ได้รับคืนจากบลจ.) และปรับด้วยอัตราส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (loan-to-value) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของธนาคาร

“ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนมาตรการด้านสภาพคล่องเพื่อเสริมเสถียรภาพตลาดการเงินของแบงก์ชาติ ขณะที่ในส่วนของลูกค้านั้นก็ได้มีการดำเนินการอย่างทันที เพื่อที่จะติดต่อสอบถามความต้องการของลูกค้ากองทุน ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับก็มั่นใจว่าโปรแกรมนี้จะสามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและเพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อย ถือเป็นความตั้งใจของทีเอ็มบีในการร่วมบรรเทาผลกระทบให้กับลูกค้าทุกกลุ่มในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เช่นนี้”