(แก้ไข) สธ.ชี้ภาคเหนือตอนบนเหลือแค่2จังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด

30 มี.ค. 2563 | 07:20 น.

สธ.เผยยอดผู้ตัดเชื้อกระจายเกือบทั้งประเทศ ภาคเหนือตอนบนเหลือแค่ 2 จังหวัด ลำปาง-น่าน ที่ยังไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดเพิ่ม136 คน สะสม 1,524 เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย 

30 มีนาคม 2563 นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 136 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 127 ราย รวมมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 สะสม 1,524 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,388 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมเสียชีวิต 9 ราย มีอาการรุนแรง 23 ราย

สธ.ระบุว่าขณะนี้ขณะนี้ในภาคเหนือเหลือเพียง 2 จังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ คือ ลำปาง และน่าน  ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อล่าสุดมีจำนวน 59 จังหวัด

ทั้งนี้ฐานเศรษฐกิจต้องกราบขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นอย่างสูง ที่ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่าเหลือจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 จังหวัด

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกือบทุกจังหวัดของไทย ยกเว้นเพียง 2 จังหวัด คือ ลำปางและน่าน จำนวนรวม 48 ราย โดยจังหวัดเชียงใหม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อมากสุด 32 ราย ซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ, กลุ่มที่สัมผัสผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ทั้งสนามมวยและสถานบันเทิง

(แก้ไข) สธ.ชี้ภาคเหนือตอนบนเหลือแค่2จังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด

สำหรับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 136 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 71 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 2 ราย กลุ่มสถานบันเทิง 10 ราย กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 59 ราย 

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 59 ราย เป็น กลุ่มที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งคนไทยและคนต่างชาติ 21 ราย กลุ่มผู้ทำงาน,อาศัย ในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 15 ราย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย กลุ่มที่ไปสถานที่แออัด 3 ราย กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขนส่งสาธารณะ 4 ราย และกลุ่มอื่นๆ ตามเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 14 ราย

กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 6 ราย ได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต 2 ราย รายที่ 1 เป็นชายไทยอายุ 54 ปี มีประวัติเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลยะลา รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 56 ปี มีภาวะปอดอักเสบ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรงจำนวน 23 ราย อาการยังอยู่ในภาวะวิกฤต ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด สรุปมีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 127 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,388 ราย เสียชีวิต 9 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,524 ราย 
 

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 136 ราย กระจายอยู่ใน 18 จังหวัด มากสุดที่กรุงเทพฯ 80 ราย รองลงมา คือเชียงใหม่ 9 ราย สมุทรปราการ 7 ราย ภูเก็ต 6 ราย ชลบุรีและนครสวรรค์จังหวัดละ 3 ราย เป็นต้น ซึ่งยังพบผู้ป่วยรายใหม่ในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับขนส่งสาธารณะ ทั้งรถ Taxi, รถเมล์, รถบัส, รถตู้, รถไฟฟ้า, เรือ, เครื่องบิน อย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสาธารณะ คนขับ ผู้โดยสาร พนักงานอื่นๆ รวมทั้งประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทาง เพิ่มความระมัดระวัง ป้องกันตัวเอง โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง เว้นระยะห่าง ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ อาบน้ำทันทีเมื่อกลับเข้าบ้าน และเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนในครอบครัว

(แก้ไข) สธ.ชี้ภาคเหนือตอนบนเหลือแค่2จังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด

ในส่วนผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะและพนักงาน ต้องทำความสะอาดยานพาหนะอย่างสม่ำเสมอ เปิดประตูหน้าต่าง ระบายอากาศ และหลังรับผู้โดยสารที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก ให้สวมถุงมือทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ 70% หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เน้นพื้นผิวที่ประชาชนสัมผัสบ่อย เช่น มือจับประตู เบาะรถ ที่พักแขน เป็นต้น

สถานการณ์ทั่วโลกใน 197 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 30 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 721,277 ราย เสียชีวิต 33,942 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 81,439 ราย เสียชีวิต 3,300 ราย สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย 141,781 ราย เสียชีวิต 2,471 ราย อิตาลีพบผู้ป่วย 97,689 ราย เสียชีวิต 10,779 ราย