จี้รัฐช่วยกลุ่มโรงแรม-ร้านอาหารโควิด-19 กระทบธุรกิจ

29 มี.ค. 2563 | 02:40 น.

“เทพไท”จี้รัฐช่วยกลุ่มโรงแรม-ร้านอาหาร โควิด-19 กระทบธุรกิจ

29 มีนาคม 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ว่า มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่นำเงินเข้าสู่ประเทศมากเป็นอันดับต้นๆ แต่เมื่อเจอวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างสิ้นเชิง มีผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ซึ่งในขณะนี้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมีอยู่ 2ส่วนที่สำคัญ คือ

1.ธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่มีลูกค้านักท่องเที่ยวเข้าพัก มียอดจองเป็นศูนย์ ต้องปิดกิจการชั่วคราว ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก มีทั้งเจ้าหนี้ธนาคาร เจ้าหนี้ธุรกิจ เจ้าหนี้การค้า และยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายดูแลพนักงานของโรงแรมอีกจำนวนหนึ่ง

2.ธุรกิจร้านอาหาร ที่เปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวและลูกค้าทั่วไป

เมื่อเจอวิกฤตไวรัสโควิด-19 และประกาศล็อกดาวน์ อนุญาตให้ร้านอาหารเปิดขายได้เฉพาะซื้อกลับบ้าน ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานที่ร้าน ทำให้เกิดผลกระทบต่อรายได้ และพนักงานลูกจ้างของร้าน ที่ต้องปรับลดเงินเดือนให้น้อยลง ดังนั้นจึงทำให้ผู้ที่ได้ผลกระทบโดยตรง คือพนักงานโรงแรมและพนักงานร้านอาหาร ซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องขาดรายได้เพราะถูกปรับลดเงินเดือนลง และคนกลุ่มนี้จะไม่ได้สิทธิ์รับเงินตามโครงการช่วยเหลือเยี่ยวยาของรัฐบาล เดือนละ5000บาทจำนวน3เดือน และจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากสำนักงานประกันสังคมของกระทรวงแรงงาน เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ถูกคำสั่งปิดบริการจากรัฐบาล แต่เป็นธุรกิจที่ต้องปิดตัวเองชั่วคราวตามสภาวะของเศรษฐกิจในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับเงินชดเชยแต่อย่างใด

จึงขอเรียกร้องมายังรัฐบาล หามาตรการแก้ไขช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในกลุ่มนี้ด้วย

ส่วนข้อเสนอการนำงบประมาณแผ่นดินมาสู้กับไวรัสโควิด-19ในขณะนี้นั้น ส่วนตัวเห็นด้วยและขอสนับสนุนแนวความคิดของหลายฝ่าย ที่ต้องการให้นำงบลงทุนของกระทรวงกลาโหม มาใช้เยียวยาทางด้านเศรษฐกิจและแก้ปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะปัญหาใหญ่ของประเทศในวันนี้ คือการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่การต่อสู้กับอริราชศัตรูที่มารุกราน จึงสนับสนุนให้มีการโอนงบลงทุนด้านการทหาร มาเป็นงบประมาณแก้ปัญหาประเทศด้านเศรษฐกิจและด้านสาธารณสุขก่อนจะดีกว่า