กกร.หั่นเป้าจีดีพี-ส่งออก 8 เม.ย.

26 มี.ค. 2563 | 08:35 น.

กกร.เตรียมทบทวนตัวเลขจีดีพี การส่งออก และเงินเฟ้อใหม่หลังแนวโน้มเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางไม่ดี

นายสุพันธ์  มงคลสุธี  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า  ในวันที่ 8 เมษายน 63 นี้ กกร. จะมีการประชุมเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจอีกครั้ง ทั้งอัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) การส่งออก และเงินเฟ้อ  โดยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น  ต้องยอมรับว่าส่งผลทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจของไทยขณะนี้อยู่ในทิศทางที่ไม่ดี  โดยหลายหน่วยงานก็เริ่มมีการปรับประมาณการณ์จีดีพี และการส่งออกใหม่แล้ว

กกร.หั่นเป้าจีดีพี-ส่งออก 8 เม.ย.

ทั้งนี้  ล่าสุด กกร. ได้มีการประชุมนัดพิเศษวาระเร่งด่วนในช่วงที่รัฐบาลไทยได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (พรก.ฉุกเฉิน) ณ วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)  โดยมีข้อเสนอต่อภาครัฐประกอบด้วย

              1.ให้ภาครัฐดูแลโรงงานโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นยิ่งยวด Critical Industry and Supply Chain (CISC) และการขนส่งสินค้า (Logistics) เพื่อป้องกันไม่ให้อุตสาหกรรมดังกล่าวหยุดชะงัก ,2.ขอให้งดการจ่ายประกันสังคมสำหรับลูกจ้างและนายจ้าง เป็นระยะเวลา 4 เดือน ,3.ให้ภาครัฐเพิ่มเงินช่วยเหลือลูกจ้างที่ว่างงานหรือถูกเลิกจ้างจากเดิม 50% เป็น 80,4.ขอเลื่อนการจ่ายค่าน้ำและค่าไฟออกไป 4 เดือน ,5.ให้ภาคเอกชนหักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า กรณีใช้งบประมาณเพื่อป้องกัน COVID-19  ,6.ให้ระบบสาธารณูปโภคให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ,7.หน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจติดต่อกับภาคเอกชน สามารถให้บริการทางออนไลน์ได้ และ8,ให้ผู้ขนส่งสินค้าสามารถส่งสินค้าได้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค

              นอกจากนี้  ภาคเอกชนขอให้ภาครัฐดูแลโรงงานโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นยิ่งยวด Critical Industry and Supply Chain (CISC) และการขนส่งสินค้า (Logistics) เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่จำเป็นขาดแคลน ดังนี้ 1.อุตสาหกรรมอาหาร น้ำตาล น้ำมันปาล์ม เครื่องจักรกลการเกษตร การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ พลาสติก แก้วและกระจก เยื่อกระดาษ อลูมิเนียม ,2.อุตสาหกรรมยา สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ยาง ,3.อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ,4.อุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซ พลังงานหมุนเวียน และ5.อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ

กกร.หั่นเป้าจีดีพี-ส่งออก 8 เม.ย.

              นายสุพันธุ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ธุรกิจที่มีความจำเป็น (Essential) ต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจอย่างรุนแรงสามารถดำเนินการได้ อาทิ อาหารและเครื่องดื่มเวชภัณฑ์การแพทย์,เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารธนาคารธุรกิจการเกษตรพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำที่ต้องป้อนอุตสาหกรรมข้างต้น ช่องทางการจัดจำหน่าย การขนส่งและโลจิสติกส์

              อนึ่ง คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อันประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย