ประกัน‘โควิด’ โตกระฉูด 2 ล้านกรมธรรม์

ความตื่นกลัวต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ประกันโควิด-19 ง่ายขึ้น และไม่ใช่กรมธรรม์เดียวแต่บางคนซื้อไปเกือบ 10 กรมธรรม์ ทำให้เพียง 1 เดือนเศษ มีีบริษัทประกันที่เสนอขายประกันไวรัสโควิดแล้ว 24 บริษัท เป็นบริษัทประกันวินาศภัย 13 บริษัทและประกันชีวิตอีก 11 บริษัท ซึ่งประกันไวรัสโควิดเหมาะกับคนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองค่าใช้จ่าย เช่น ค่ารักษาพยาบาล การเหมาจ่ายเป็นเงินก้อน แล้วแต่แผนคุ้มครองของแต่ละบริษัท

อย่างไรก็ตาม กลับมีผู้ซื้อหัวใส ที่ซื้อประกันไว้หลายกรมธรรม์ หลายบริษัท เผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับความคุ้มครอง และยังมีผู้เอาประกันบางคน นำตัวไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงรับเชื้อไวรัสเพื่อแลกกับค่าประกัน ซึ่งนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ยํ้าว่า กรณีที่ผู้เอาประกันเจตนาหรือจงใจทุจริต บริษัทประกันอาจจะอ้างเหตุไม่จ่ายเงินเอาประกันได้ และหากรัฐบาลประกาศยกระดับความรุนแรง คปภ.จะรักษาประโยชน์ ห้ามบริษัทปัดไม่จ่ายเงินกับผู้เอา/ผู้ซื้อประกันโควิด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น

นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า  ประกันโควิดของบริษัทได้รับความนิยมมาก เห็นได้จากยอดขายประกันโควิดในระบบกว่า 2 ล้านกรมธรรม์นั้น เป็นของบริษัทกว่า 1 ล้านกรมธรรม์ หรือ 50% มีเบี้ยรับรวมเกือบ 500 ล้านบาท โดยที่ได้รับความนิยมมากคือ แผน 4 ค่าเบี้ย 850 บาท ซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล 1 แสนบาทและเสียชีวิต 1 ล้านบาทสูงถึง 40% ของยอดขาย รองลงมาคือ แผน 2 ค่าเบี้ย 250 บาท ซึ่งมีสัดส่วน 17% ตามด้วยแผน 3 ค่าเบี้ย 450 บาทและแผน 1 ค่าเบี้ยเริ่มต้น 150 บาท จากเดิมที่คาดว่า แผน 1 จะได้รับความนิยมสูง แต่ปรากฏว่าประชาชนสนใจซื้อน้อย มีเพียง 1 แสนกรมธรรม์

นายสมพร ยังกล่าวถึงการให้ความคุ้มครองในรูปแบบ “เจอจ่ายแต่ไม่จบ” ว่า บริษัทมุ่งที่จะให้ความคุ้มครองลูกค้า เมื่อตรวจพบว่า ผู้ถือกรมธรรม์ติดเชื้อโควิด บริษัทจะจ่ายเงินตามกรมธรรม์แต่ละแบบที่กำหนดไว้ กรณีเสียชีวิตก็จ่ายเป็นเงินก้อน แต่ส่วนของ “เจอจ่ายจบ” สำหรับโรคร้ายแรง เมื่อแพทย์ตรวจพบ บริษัทจะจ่ายเงินก้อนตามข้อตกลง แต่การนำรูปแบบ “เจอจ่ายจบ” มาใช้กับประกันโควิด ซึ่งสามารถรักษาได้นั้น อาจจะก่อให้เกิดกรณีฉ้อฉลในรายที่หวังรับเงินผลประโยชน์ ซึ่งระยะหลังจะเห็นบางบริษัทหยุดการขายประกัน หรือ กำหนดโควตาในการรับประกันไว้ในรูปแบบเจอ จ่าย จบ เพราะแต่ละบริษัทจะมีความสามารถในการรับประกันตามเงินกองทุนที่กำหนดไว้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเงินกองทุนกำลังจะเต็มความสามารถ จึงหยุดขายไป

ดังนั้นจะสังเกตว่า บริษัทที่หยุดขายกรมธรรม์ไป ส่วนใหญ่จะขายกรมธรรม์ในรูปแบบ “เจอจ่ายจบ” หรือบางราย อาจปรับรูปแบบการให้ความคุ้มครอง ซึ่งทิพยประกันภัย ยังคงยืนยันจะไม่ปรับราคา หรือนโยบายในการรับประกันแต่อย่างใด และขอให้มั่นใจว่า เงินกองทุนเพียงพอที่จะให้ความคุ้มครองกับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง บริษัทจะปรับนโยบาย เพื่อจะคงเป้าอัตราเบี้ยประกันให้ได้ตามเป้าหมาย แต่ปีนี้มีประกัน
โควิด ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัท ดังนั้นจึงสามารถให้ความมั่นใจกับลูกค้าว่า ไม่ต้องกังวลต่อความเสี่ยงที่บริษัทจะได้รับ เนื่องจากบริษัทมีนักคณิตศาสตร์และบริษัทประกันภัยต่อ จึงสามารถรับประกันและให้ความรู้ให้ความคุ้มครองกับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หากแนวโน้มการระบาดของโควิดจะเข้าสู่ระยะที่ 3หรือ super space บริษัทอาจจะทบทวนระยะเวลารอคอยหรือปรับความคุ้มครองจากค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินชดเชยรายวันแทน ขณะเดียวกันลูกค้าของบริษัทก็สามารถติดต่อปรับทุนประกัน หรือทยอยชำระค่าเบี้ยประกันแทนการชำระงวดเดียวได้

แหล่งข่าวจากบมจ.วิริยะประกันภัย กล่าวว่า ผลตอบรับจากการเสนอขายประกันโควิด มีลูกค้าตอบรับเข้ามาแล้วกว่า 1 แสนกรมธรรม์ เฉลี่ยต่อวันที่ 6,000 ฉบับ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้ช่องทางเซเว่น อีเลฟเว่น และช่องทางตัวแทน ซึ่งวัตถุประสงค์ที่ขายกรมธรรม์ประกันโควิด เพื่อรองรับฐานลูกค้าบริษัทที่มีอยู่แล้ว 6.5 ล้านกรมธรรม์ แต่ก็เปิดกว้างสำหรับลูกค้ารายใหม่ด้วย ซึ่งในการขายกรมธรรม์ของวิริยะฯจะยํ้ากับลูกค้าเกี่ยวกับระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ซึ่งส่วนใหญ่กำหนดไว้ 14 วันคือ ลูกค้าที่ตรวจพบการติดเชื้อโควิด ในระหว่าง 14 วันนี้จะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการรับประกันความคุ้มครอง

ส่วนการขายประกันโควิดบริษัทให้นํ้าหนักต่อ ความเพียงพอของเงินกองทุน เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนลูกค้าที่รับเข้ามา ขณะเดียวกันถ้าลูกค้าซื้อเกิน 1 กรมธรรม์ จะคืนเงินให้เหลือเพียง 1 กรมธรรม์เท่านั้น เพราะกฎหมายกำหนดให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริงใบเสร็จใบเดียว แต่ลูกค้าที่ถือ 2 กรมธรรม์ อาจใช้วิธีเบิกจากบริษัทแรกก่อน ถ้ายังมีส่วนที่เหลือสามารถ นำไปเรียกร้อง หรือขอเบิกจากอีกบริษัทได้

หน้า 13-14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,560 วันที่ 26-28 มีนาคม 2563