รมว.ศธ.ไฟเขียวตั้งศูนย์สกัดFakeNewsภายในองค์กร

23 มี.ค. 2563 | 11:47 น.

รมว.ศธ.เห็นชอบตั้งศูนย์สกัด Fake News ภายในองค์กร เพื่อแก้ไขปัญหา-ป้องกันข่าวปลอม 2 ศูนย์ โดยหนึ่งศูนย์ประสานงานกันเองภายในกระทรวงและหน่วยงานในกำกับ และอีกศูนย์ประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยตรง พร้อมดึง AI ใช้ตอบโต้และต่อต้านข่าวปลอม



จากกรณีที่ นางสาว มินทกานต์ ถนอมไถ นักเรียนจากโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ในฐานะประธานสภาการนักเรียน ได้ประกาศเจตนารมณ์ และร้องเรียนไปยังรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ  เรื่องการการส่งเสริมให้เด็กไทยรู้ทันก่อนแบ่งปันข่าวปลอม (Fake News) ไปก่อนหน้านี้แล้ว และการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center) ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการติดตาม ตรวจสอบ ข้อมูลที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ และระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งบ่งชี้ข้อมูลที่เป็นข่าวปลอม เพื่อให้มีการแก้ไขป้องกันปัญหาข่าวปลอม และดำเนินการตอบสนองข้อมูลแก่ประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะในสถานการณ์เชื้อโรคระบาด COVID-19 ขณะนี้ที่มีข้อมูลออกมาค่อนข้างมากนั้น 

นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากกรณีทั้งสองดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จึงได้กำหนดมาตรการในการแก้ไขและป้องกันข่าวปลอม (Fake News)  โดยเฉพาะมาตรการในการแก้ไขปัญหาข่าวปลอมนั้น ขณะนี้ ศธ. ได้จัดตั้งหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอมของ ศธ. แล้ว 


การจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวของ ศธ. มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยหลักของศธ.   ในการประสานงานกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  และยังทำหน้าที่ ประสานงานกับหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอมในระดับส่วนราชการในสังกัด และหน่วยงานในกำกับของศธ.  รวมถึงสำนักงาน กศน. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงาน ก.ค.ศ. 
นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ได้เห็นชอบให้จัดตั้งหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงศึกษาธิการ ขึ้นในสำนักงานปลัดศธ.  และให้หน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงศึกษาธิการ 

 


“โดยกรอบอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาข่าวปลอมนั้น  ให้ทำหน้าที่ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งตรวจสอบและแจ้งผลการตรวจสอบข่าวที่ได้รับจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ที่เกี่ยวข้องกับ ศธ. ว่าเป็นข่าวที่เป็นข้อมูลจริงหรือเท็จ  จากนั้นให้แจ้งผลการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว ไปยังศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ทราบด้วย” นายประเสริฐ กล่าว


อีกทั้งต้องทำหน้าที่ประสานการทำงานร่วมกับหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอม ระดับส่วนราชการในสังกัด และหน่วยงานในกำกับศธ. โดยทำการแจ้งให้หน่วยประสานงานดังกล่าวตรวจสอบ และแจ้งผลการตรวจสอบให้หน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอม ศธ. รับทราบ หลังจากได้รับแจ้งจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่าเป็นข่าวที่เป็นข้อมูลจริงหรือเท็จ พร้อมให้แจ้งผลการพิจารณาตามกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว ให้หน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอม ศธ.ทราบด้วย
 

 

อีกทั้งหน่วยงานดังกล่าว ของ ศธ. ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ และแจ้งผลตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับสำนักงานปลัดศธ. ที่ได้รับแจ้งจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ว่าเป็นข่าวข้อมูลจริงหรืองเท็จ และแจ้งผลการพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ  กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทราบด้วย


นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดตั้งหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอมในระดับส่วนราชการในสังกัดและหน่วยงานในกำกับศธ. และหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอมของสำนักงาน กศน. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงาน ก.ค.ศ.  ขึ้นมาอีกด้วย


โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการประสาน ความร่วมมือกันระหว่างส่วนราชการในสังกัด ศธ. และหน่วยงานในกำกับของศธ. เพื่อประสานต่อ ศธ.  และประสานงานต่อหน่วยข่าวปลอม ของศธ. ในการตรวจสอบ แจ้งผลการตรวจสอบ และแจ้งผลการพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับข่าวที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และครบถ้วน 


“โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เห็นชอบให้จัดตั้งหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอมในระดับส่วนราชการในสังกัดและหน่วยงานในกำกับศธ. และหน่วยประสานงานต่อต้านข่าวปลอมของ กศน. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และก.ค.ศ.  ขึ้นด้วยเช่นกัน”


ส่วนกรอบงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมในศธ.นั้น ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม โดยการตรวจสอบข่าวที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการในสังกัดและหน่วยงานในกำกับศธ. ซึ่งแล้วแต่กรณีที่ได้รับแจ้ง จากนั้นให้แจ้งผลการพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว ไปยังหน่วยต่อต้านข่าวปลอม ศธ.ทราบโดยเร็ว

นอกจากนี้ ยังได้เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนหรือรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวปลอม ที่ศูนย์บริการประชาชน กระทรวงศึกษาธิการ สายด่วน 1579 ตลอด 24 ชั่วโมง
“ที่สำคัญ ศธ. จะนำระบบ AI  มาใช้ในการตอบโต้และต่อต้านข่าวปลอม โดยการการเผยแพร่ข้อมูลจริงเชิงรุกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือสื่อหลัก” 


นายประเสิรฐ ย้ำว่า  กรณีมีการเผยแพร่ข่าวปลอมในส่วนราชการสังกัด ศธ. และหน่วยงานในกำกับ และก่อให้เกิดความเสียหาย ศธ.จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องทันที
ส่วนมาตรการในการป้องกันปัญหาข่าวปลอมนั้น ได้ให้ทุกส่วนราชการในสังกัดศธ.  หน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัด สร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบต่อข่าวปลอมแก่ผู้เรียน บุคลากร ชุมชนในพื้นที่ ด้วยช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ พร้อมให้สถานศึกษาทุกระดับจัดอบรม สอนเสริม และเพิ่มทักษะ หลักสูตรการรู้เท่าทันสื่อ