หุ้นค้าปลีกร่วงยกแผง - KSปรับลดกำไรลง5.2-8.2%

23 มี.ค. 2563 | 04:00 น.

หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงยกแผง นำโดย HMPRO-CRC โบรกฯปรับลดกำไร -ราคาเป้าหมาย บล.กสิกรไทย คงมุมมองเป็น “กลาง” เลือก CPALL เป็นหุ้นเด่น

หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงยกแผง  เปิดตลาดดัชนีกลุ่มค้าปลีกร่วงลง 5.50% มาอยู่ที่ 27,781.60 จุด ลดลง 1,618.33 จุด   โดยหุ้น HMPRO ร่วง 14.47% มาอยู่ที่ 9.75 บาท ลดลง 1.65 บาท มูลค่าซื้อขาย 267.46 ล้านบาท , หุ้น CRC ร่วง 14.17% มาอยู่ที่ 21.20 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 442.56 ล้านบาท ,หุ้น DOHOME ร่วง 13.57% มาอยู่ที่ 4.84 บาท ลดลง 0.76 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.22 ล้านบาท และหุ้น GLOBAL ร่วง 13.04% มาอยู่ที่ 10.00 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 19.93 ล้านบาท

บล.กสิกรไทย หรือ KS ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มค้าปลีกผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้า 2-3 สัปดาห์ในกรุงเทพฯ และอีก 13 จังหวัด โดยสาขา บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และ บมจ.ดูโฮม (DOHOME) ได้รับผลกระทบราว 47% จากทั้งหมด บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ที่ 50% กลุ่มสินค้าจำเป็นได้รับผลกระทบจำกัด  พร้อมปรับลดกำไรปี 63 ลง 5.2-8.2% และลดราคาเป้าหมายกลุ่มค้าปลีกผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน  

โดยได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ของ DOHOME ,HMPRO และ GLOBAL ลง -7.4% ,-8.2% และ -5.2%  เป็น 725 ล้านบาท, 5.8 พันล้านบาทและ 2.1 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรปี2563 ที่ -1.0%,-5.4% และ-1.5% ตามลำดับ คาดว่า HMPRO จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะมีจำนวนสาขาถูกสั่งปิดมากที่สุด ตามด้วยDOHOME เพราะมีการปิดสาขาขนาดใหญ่ไป 5 แห่งจากทั้งหมด 10 แห่ง และ GLOBAL ที่ถูกปิดไป 12 แห่ง  อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2563 กลุ่มค้าปลีกปลีกเหล่านี้จะเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบหลักๆ และจะปรับดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2563

บล.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเป็น “กลาง” ต่อกลุ่มพาณิชย์ โดยยังคงเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นหลังจากปรับลดประมาณการลง  โดยได้ปรับลดราคาเป้าหมายของ DOHOME GLOBAL และ HMPRO ลงเป็ น 8.7 บาท 12.40 บาท และ 14.20 บาท ตามลำดับ แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ ” DOHOME และ HMPRO และคำแนะนำ“ถือ” GLOBAL ต่อไป

ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า มาตรการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวที่กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัด เป็นระยะเวลา 22 วันนี้ จะส่งผลกระทบเป็นลบเป็นส่วนใหญ่กับหลายธุรกิจ เนื่องจากรายได้ที่ลดลง อย่างไรก็ตามมีบางธุรกิจที่จะได้รับผลบวกจากมาตรการนี้เช่นกัน

โดยธุรกิจและบริษัทที่ได้รับผลกระทบเชิงลบคือ

1) ศูนย์การค้า & ห้างสรรพสินค้า (SF, PLAT, CRC, CPN, MBK, AWC)
2) ร้านขายวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน (DOHOME, HMPRO, GLOBAL)
3) ศูนย์แสดงสินค้า+ศูนย์ประชุม (IMPACT)
4) ร้านอาหารในห้าง (AU, ZEN, M, OISHI, SNP, CENTEL, MINT)
5) ร้านค้าในห้าง (COM7, JMART, IT, MC, BEAUTY, TKN)
6) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)
7) ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (BEM, BTS)
8) สถานีบริการน้ำมัน (PTG, PTT, ESSO, BCP)