แบงก์กรุงเทพ ดักหน้าหมอเสริฐ เข้าซื้อหุ้น BH เพิ่ม 8.26% 

23 มี.ค. 2563 | 01:46 น.

แบงก์กรุงเทพ ดักหน้า"หมอเสริฐ" ดอดเก็บหุ้นรพ.บำรุงราษฏร์ (BH) จำนวน 65,714,285 หุ้น คิดเป็น 8.2579% ถือรวม 9.9862%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( ก.ล.ต.) รายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2)  ซึ่งเป็นรายงานการได้มาหุ้นของ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH  โดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL โดยเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563

จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาเป็นจำนวน 65,714,285 หุ้น คิดเป็น 8.2579% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มามีจำนวน 79,467,058 หุ้น คิดเป็น 9.9862%จากเดิมที่ธนาคารกรุงเทพ ถืออยู่ 29,059 หุ้น สัดส่วน  0.0036 %

ราคาหุ้น BH ปรับขึ้นสูงสุดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 อยู่ที่ 133.50 บาท และเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ที่มีการซื้อขาย ราคาปิดอยู่ที่ 115.50 บาท ปรับเพิ่ม 1.00 บาทหรือ 0.87% มูลค่าการซื้อขาย 232.72 ล้านบาท โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 120.50 บาท ต่ำสุด 113.50 บาท

 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2563 บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)หรือ BDMD ซึ่งนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกิจการและถือหุ้น BDMS ส่วนตัวสัดส่วน16%ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า BDMS จะเสนอซื้อหุ้น BH จํานวน 546,328,351 หุ้น คิดเป็น 74.83% ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมด หุ้นบุริมสิทธิ์จํานวน 1,210,865 หุ้น คิดเป็น 0.17% ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมด

รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมด ประกอบด้วยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 ซึ่ง สามารถแปลงสิทธิ์เป็นหุ้นสามัญของ BH ได้จํานวน 137,362,636 หุ้น โดยบริษัทจะทำคำเสนอซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 125 บาท คิดเป็นมูลค่า 85,612,731,500 บาท ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้การเข้าทําคําเสนอซื้อ หลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขในหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ (BH) เพื่อให้เป็นไป ตามนโยบายการลงทุนของบริษัท ซึ่งมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจด้านการแพทย์ 

ก่อนที่ทางผู้บริหารของ BH จะออกมาคัดค้าน ระบุว่าไม่คาดคิดและไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน

แบงก์กรุงเทพ ดักหน้าหมอเสริฐ เข้าซื้อหุ้น BH เพิ่ม 8.26% 

เนื่องจากในอดีต BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจอย่างอิสระต่อกันและปราศจากการประสานความร่วมมือทางธุรกิจใด ๆ นอกจากนี้บริษัทเห็นว่าทั้งสองกลุ่มโรงพยาบาลดำเนินธุรกิจที่แข่งขันกัน และต่างก็เป็นผู้นำในธุรกิจด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ (Medical Tourism) และการบริการทางการแพทย์ตติยภูมิให้กับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับสูง