3 ขั้นตอนในการบรรเทาตื่นตระหนกของตลาด จากวิกฤติโควิด

20 มี.ค. 2563 | 03:50 น.

 

Eileen Ma

 

Eileen Ma   CFA Investment Solutions Eastspring Investments, Singapore  ระบุว่ามี 3 ขั้นตอนที่จำเป็นซึ่งจะช่วยให้ตลาดผ่อนคลายลงได้ในสถานการณ์เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก และกุญแจสำคัญก็คือเรื่องของการจัดลำดับขั้นตอน – ควบคุมการระบาดของโรค อัดฉีดสภาพคล่อง และกระตุ้นความต้องการซื้อ โดยขั้นตอนแรกนั้นยังเป็นตัวแปรที่สำคัญสำหรับตลาดและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกักกันที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและการอัดฉีดจากภาคการคลังจะส่งผลช่วยสนับสนุนตลาดสินทรัพย์ได้ก็ต่อเมื่อมาตรการเหล่านั้นถูกนำมาใช้

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา (15 มี.ค. 63 )ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.00%ลงเหลือศูนย์ และเริ่มการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน (Mortgage Backed Securities (MBS) ) และพันธบัตรรัฐบาล นอกจากนี้ ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ (SNB) ได้เสนอช่องทางสนับสนุนสภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์ ด้วยการขยายระยะเวลานานออกไปและให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า 

ถัดจากนั้น ทาง BoJ ก็ได้ตัดสินใจในแบบที่สอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบไม่คาดคิดของธนาคารกลางสหรัฐ ด้วยการขยายวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์อย่างมหาศาล โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นทำการปรับเพิ่มวงเงินรายปีสำหรับการซื้อ Exchange Traded Funds (ETFs) ขึ้นจาก 6 ล้านล้านเยนต่อปี มาเป็น 12 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย

มาตรการผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐพร้อมด้วยการทำ currency swaps ที่ประสานกันกับธนาคารกลางที่สำคัญๆ นับเป็นความพยายามที่ต้องการลดแรงกดดันทางด้านเงินทุนที่สังเกตเห็นได้ในระยะหลังผ่านตลาดพันธบัตร ตลาด MBS และตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ

3 ขั้นตอนที่จำเป็นในการสร้างเสถียรภาพตลาด

เราเชื่อว่ามี 3 ขั้นตอนที่จำเป็นในการสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาด - 1) ควบคุมการระบาดของโรค 2) อัดฉีดสภาพคล่อง และ 3) กระตุ้นความต้องการซื้อ ในแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญ แต่การเรียงลำดับขั้นตอนก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน มาตรการผ่อนคลายของธนาคารกลางทั่วโลกมุ่งเน้นไปที่ขั้นตอนที่สองและสาม แต่ขั้นตอนที่หนึ่งนับเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับตลาด ในขณะนี้ผู้ลงทุนมีความกังวลมากขึ้นว่าความต้องการซื้อของผู้บริโภคจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปนานเพียงใดและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน ขั้นตอนที่สองและสามได้ช่วยให้เกิดสภาพคล่อง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของแรงฉุดรั้งต่อการเติบโตได้ ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนและตลาดมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในภาวะสับสนต่อไปจนกว่าเราจะได้เห็นหลักฐานที่ชี้ว่าการระบาดของโรคอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้

การทำสถิติสูงสุดของจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวัน คือ ปัจจัยที่สำคัญและมีสิ่งที่ต้องดำเนินการอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือความจำเป็นต้องหยุดกิจกรรมทางสังคมในแต่ละวันเป็นการชั่วคราวเพื่อช่วยจำกัดการแพร่ระบาดของโรคในชุมชน ส่วนขั้นต่อไปก็ต้องทำให้การตรวจ Covid-19 ในแบบขนานใหญ่และรวดเร็วสามารถทำได้โดยง่าย หากรัฐบาลพบว่าเป็นความท้าทายที่จะหยุดกิจกรรมชั่วคราว ก็ต้องดูแบบอย่างการตรวจโรคอย่างรวดเร็วของเกาหลีเพื่อมาทำตาม เกาหลีใช้ศูนย์ตรวจโรคในรูปแบบ drive through ด้วยการเก็บตัวอย่างของเหลวจากตัวผู้โดยสารและรายงานผลการตรวจได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง กระบวนการนี้ช่วยลดโอกาสการเปิดสู่ภาวะปนเปื้อนและบรรเทาความแออัดในโรงพยาบาล การตรวจโรคในแบบขนานใหญ่ยังสามารถช่วยระบุตัวผู้เป็นพาหะของไวรัสที่นำไปสู่การกักกันตัว และการตรวจนั้นยังสามารถช่วยตรวจจับแหล่งพื้นที่ชุมชนซึ่งอาจนำมากำหนดเป็นโซนเป้าหมายที่เป็น “เขตกักกัน”ในสหรัฐอเมริกา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (The Centers for Disease Control and Prevention) ได้เรียกร้องให้บรรดาผู้จัดงานยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมของบุคคลที่มีผู้เข้าร่วม 50 คนขึ้นไปทั่วประเทศเป็นระยะเวลานานสองเดือน นายกเทศมนตรีของรัฐต่างๆ รวมทั้งนิวยอร์กและลอสแองเจลิสได้ขอให้ไนต์คลับ โรงภาพยนตร์ และสถานที่จัดคอนเสิร์ตปิดให้บริการชั่วคราว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ซึ่งร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่จะให้บริการเฉพาะลูกค้าซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรี่เท่านั้น ในขณะที่ "ภาวะหยุดชั่วคราว" ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นแล้วในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับในประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ แต่โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการตรวจโรคแบบขนานใหญ่เพิ่งถูกเตรียมพร้อม และไม่เพียงแต่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่การตรวจโรคแบบขนานใหญ่ยังคงเกิดขึ้นได้อย่างจำกัดในตลาดที่พัฒนาแล้วอีกหลายแห่ง  ( ดูรูป )

 

3 ขั้นตอนในการบรรเทาตื่นตระหนกของตลาด จากวิกฤติโควิด

 

หากประเทศพัฒนาแล้วได้เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจโรค เราก็อาจจะเห็นจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดได้ในช่วงประมาณสองสัปดาห์หลังจากที่เริ่ม "หยุด" ตรวจ ซึ่งคล้ายกับรูปแบบที่สังเกตเห็นได้ในประเทศจีนและเกาหลี ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ในตลาดเกิดใหม่ที่มีประชากรหนาแน่นอย่างเช่น อินเดีย บราซิล และบางประเทศในอาเซียน ก็ดูอันตรายด้วยเช่นกันเนื่องจากระบบสาธารณสุขในประเทศเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความท้าทายในการตรวจโรค การติดตาม และการรักษาโรคระบาด

การตอบสนองด้วยนโยบายการเงินโดยลำพังจะไม่เพียงพอที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตลาดได้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ตลาดต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันก็มีมาตรการที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจจริงสามารถรอดพ้นผ่านภาวะการหยุดชะงักชั่วคราวไปได้ สิ่งนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้สภาพคล่องหดหายและกลายเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความเพียงพอของเงินทุนในที่สุด

นี่ไม่ใช่วิกฤติการเงินโลก

เราไม่คิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเป็นการเกิดขึ้นซ้ำของวิกฤติการณ์การเงินโลกปี 2551 (Global Financial Crisis | GFC) ความมั่นคงแข็งแกร่งของระบบการเงินโลกไม่ได้กำลังถูกตั้งข้อสงสัย การระบาดของไวรัสในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะมีผลกระทบเชิงลบในแบบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวต่อเศรษฐกิจของพวกเขาตราบใดที่มีการใช้มาตรการกักกันที่มีประสิทธิภาพ มาตรการเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะปกติได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ซึ่งด้วยมาตรการกักกันที่มีประสิทธิภาพ มาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการอัดฉีดของภาคการคลังที่ถูกนำมาใช้เพื่อต่อสู้กับแรงฉุดที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจ มีแนวโน้มที่จะยังคงดำเนินต่อไปได้ในอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสจะจางหายไป ซึ่งนั่นจะส่งผลช่วยสนับสนุนตลาดสินทรัพย์