พาณิชย์สั่งฟัน“ช้อปปี้" ปล่อยขายหน้ากากเกินราคา

ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้(17 มี.ค.2563)ว่า  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายประโยชน์ เพ็ญสุต รักษาการอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ร่วมกันติดตามการค้าหน้ากากอนามัยผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยล่าสุดได้เตรียมส่งเรื่องดำเนินคดีกับ “ช้อปปี้”ที่ละเลยปล่อยให้ผู้ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาทางออนไลน์ผ่านทางแพลตฟอร์มช้อปปี้ ซึ่งเป็นร้านค้าที่ชื่อว่า ช้าง

ทั้งนี้ได้นำหน้ากากอนามัยยี่ห้อ Welcare โพสต์ขายในราคากล่องละ 1,050 บาท บรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ตกประมาณชิ้นละ 21 บาท มีค่าจัดส่ง 80 บาท ในข้อหาขายเกินราคาที่กำหนดและค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการค้ากำไรเกินควรจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนับจากนี้เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในจะไปแจ้งความกับตำรวจคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) โดยจะดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มช้อปปี้และร้าน

นายจุรินทร์ ย้ำว่า ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการกับแพลตฟอร์มกับ “ลาซาด้า” เรื่องปล่อยให้ร้านค้าขายหน้ากากเกินราคาไป(3คดี) จึงอยากเตือนว่า กรณีเช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบบริษัทผลิตหน้ากากอนามัยแห่งหนึ่งซึ่งผลิตหน้ากากอนามัยยี่ห้อ Healthmask ให้กับบริษัท เนชั่นแนล คัตตอน โปรดักส์ ซึ่งผลิตหน้ากากยี่ห้อดังกล่าว พบว่า ขายให้กับ สเปเชียลตี้เทค คอร์ปอเรชั่นฯ  ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นโรงงานผลิตหน้ากากทางเลือกที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา(อย.) และไม่แจ้งข้อมูลให้กับกรมการค้าภายในได้รับทราบว่ามีการผลิตหรือมีสต๊อกสินค้าอยู่เท่าใด จึงเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจสอบเพิ่มว่า มีการขายเกินราคาก็จะได้รับโทษอีกด้วย

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า การดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายหน้ากากอนามัยเกินราคากระทรวงพาณิชย์จะได้มีการแถลงตัวเลขการจับกุมทุกวันซึ่งการจับกุมล่าสุดถึงวันที่ 16 มีนาคม 2563 ดำเนินคดีไปแล้วจำนวน 159 ราย เฉพาะเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมามีการดำเนินคดีไปแล้ว 10 ราย

ขณะที่หน้ากากอนามัยที่ยังขาดแคลน ล่าสุดโรงงานผู้ผลิตได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยจาก 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ได้เป็น 1.8 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งได้จัดสรรให้กับกระทรวงสาธารณสุข 1 ล้านชิ้นต่อวัน เพื่อกระจายไปยังภาคส่วนต่าง ๆ ทำให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายขึ้น