ทั้งนี้ นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่าเพราะราคาโปรดักต์ออกใหม่ถูกลง-เข้าถึงได้ ส่งผลต่อโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ทั้งในแง่การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาในอนาคต ตลอดจนรายได้จากค่าเช่าในทำเลศักยภาพที่มีการเติบโต
“แม้ภาวะตลาดจะซบเซา แต่ตลาดเช่ายังคงเติบโตให้ผลตอบแทนดี โดยเฉพาะคอนโดฯ โดยกรุงเทพฯชั้นใน มีผลตอบแทนการปล่อยเช่าเฉลี่ย 4% กรุงเทพฯชั้นกลาง 3.3% ส่วนกรุงเทพฯชั้นนอก 4.1% เพราะชั้นนอกคอนโดฯมีราคาถูกกว่าในเมือง 30-40% ทำให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง”
อย่างไรก็ตาม การลงทุนอาจต้องพิจารณาถึงจำนวนซัพพลายใหม่ที่จะเกิดในอนาคต ศักยภาพการเติบโตในพื้นที่ กำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งหากพื้นที่มีจำนวนซัพพลายที่มากเกินไป ขณะที่ดีมานด์ยังอยู่ในวงจำกัดจะส่งผลต่อระดับราคาและผลตอบแทนที่อาจลดลงได้
จากการประเมินของนักวิเคราะห์ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ระบุจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมในปีนี้มียอดสะสมรอระบายกว่า 2 แสนหน่วย แม้แทบทุกค่ายจะลดการเปิดตัวโครงการใหม่ แต่การขายยอมรับว่าสต๊อกเก่าค่อนข้าง “หนืด” ทางออกหลายโครงการอาจเปลี่ยนจากขายเป็นเช่า
ทั้งนี้ นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอมแอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป ประเมินว่าปีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เน้นนำโครงการเก่าออกขายให้ได้มากที่สุด แต่จะมีเปิดตัวโครงการใหม่บ้าง ไม่เกิน 60,000 หน่วยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,558 วันที่ 19-21 มีนาคม 2563