วันนี้ (วันที่ 16 มีนาคม ) ตัวแทนกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี(NCP)ร่วมกันแถลงถึงการประมูลท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3ในส่วนของท่าเรือเทียบเรือF ว่า ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กกท.)มีโครงการ ก่อสร้างท่าเทียบเรือ ลงทุนกับเอกชนเพื่อให้เทียบเรือFแล้วเสร็จทันต่อการรองรับการขยายตัวของปริมาณตู้สินค้า โดยมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเอกชนและแผนดำเนินการบริหารจัดการท่าเทียบเรือที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติโดยโครงการนี้ยังเป็นหนึ่ง ในสี่ของโครงการสำคัญตามแผนพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกซึ่งมีมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 1.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษา กลับคำพิพากษาของศาลปกคลองกลาง และให้ยกฟ้องกิจการร่วมค้า เอ็นซีพี (NCP) กรณีลงนามในเอกสารไม่ครบ ส่งผลให้คำสั่งตัดสิทธิ์ NCP ของคณะกรรมการคัดเลือกเป็นคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมาย เหลือเพียงเอกชนรายเดียวที่ได้รับการคัดเลือก ไม่ว่าเอกชนรายนั้นจะเสนอผลประโยชน์ ตอบแทนเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม ภาครัฐรวมถึงกกท.จะสูญเสียสิทธิ์ในการคัดเลือกเอกชนที่ให้ข้อเสนอด้านผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีที่สุดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ความเสียหาย NCPเสนอ27,360 ล้านบาท เทียบกับกลุ่ม GPC เสนอ12,051ล้านบาท รัฐอาจเสียประโยชน์ไม่น้อยกว่า 15,309ล้านบาท หากเทียบกับมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่อนุมัติ โครงการมูลค่า 32,225ล้านบาท หากเป็นNCP ดำเนินการรัฐลงทุนเพิ่มเพียง 4,864ล้านบาท ขณะ GPC ลงทุนเพิ่ม 20,174ล้านบาท