>> สถิติการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ตัวเลข ณ วันที่ 13 มีนาคม พบผู้ป่วยในประเทศไทย เพิ่ม 5 ราย รวมเป็น 75 ราย ขณะที่ใน 114 ประเทศ พบยอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 120,000 คน และผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,600 คน
>> จนองค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็น “การระบาดใหญ่” หรือ pandemic
>> แม้รัฐบาลจะออกมายืนยันไทยยังไม่ถึงขั้นมีการระบาดระดับ 3 แต่มีมาตรการรองรับการระบาดของเชื้อโรคอย่างใกล้ชิด ทั้งการตั้งศูนย์ “ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19” มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นผู้บัญชาการศูนย์ด้วยตัวเอง เพื่อยกระดับการบริหารจัดการ และสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น
>> แต่ในห้วงที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังต้องการความสามัคคี กลับมีการฉวยสถานการณ์ระบาดของไวรัส “โควิด-19” เป็นเกมการเมือง มีการหยิบยกหลายประเด็นโจมตีรัฐบาลเป็นเป้าหลัก แทนที่จะช่วยกันเสนอแนะทางออก
>> ดูอย่าง “วัฒนา เมืองสุข” แกนนำเพื่อไทย เทียบเคียงภาวะผู้นำระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “บิ๊กตู่” ในการควบคุมการระบาด “จากสึนามิ ไข้หวัดนก และไวรัสซาร์ส”
>> เปรียบกับไวรัส “โควิด-19” ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก เป็นข้อพิสูจน์ภาวะผู้นำ “บิ๊กตู่” ทั้งที่สถานการณ์ความรุนแรงและการระบาดของโรคแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
>> เห็นได้จากการแถลงของ “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ออกมายอมรับเองว่า ไวรัส “โควิด-19” เป็นสถานการณ์วิกฤติรุนแรงทั่วโลก กระทั่งองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็น การระบาดครั้งใหญ่
>> แถมเชือดรัฐบาลทิ้งท้ายตามสไตล์ “สวยแต่เจ็บ” ว่า หน้ากากอนามัยขาดแคลนสะท้อนการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล
>> สถานการณ์อันหนักอึ้งที่ท้าทายฝีมือรัฐบาล “บิ๊กตู่” กลับถูกสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลกลุ่มหนึ่ง ประดิษฐ์คำ
>> “จะไม่พายเรือให้โจรนั่ง” วลีเชือดเฉือนใจ จาก “พนิต วิกิตเศรษฐ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เรียกร้องให้พรรคทบทวนการร่วมรัฐบาล
>> ดูเหมือนจะร้ายแรงยิ่งกว่าพิษไวรัส “โควิด-19” ด้วยซํ้า