นายกฯเซ็นตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โคโรนา” 28อรหันต์-ลุย6ภารกิจ

12 มี.ค. 2563 | 10:41 น.

นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่ง ตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019" 28 กรรมการ ลุย 6 มาตรการ

 

วันที่ 12 มี.ค. 63  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามใน คําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 76/2563 เรื่อง จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) คำสั่งระบุว่า 

ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 ว่าการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ซึ่งเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่และระบาดอยู่ในหลายประเทศ ตั้งแต่ปลายปี 2562  (ค.ศ. 2019) เป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ และต่อมาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม  2563  องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) เป็นการระบาดใหญ่ โดยในประเทศไทยได้ปรากฏการระบาดของโรคภายในประเทศอันเนื่องมาจาก ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค 

ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้อาศัยอํานาจตาม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกาศแล้วว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายและประกาศให้ท้องที่ นอกราชอาณาจักรบางประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคและมีผู้ป่วยเสียชีวิต ตลอดจนมีความเสี่ยง เป็นอันมากเป็นเขตติดต่อของโรคดังกล่าว ดังนั้น เพื่อเป็นการยกระดับการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ในประเทศไทยให้อยู่ในวงจํากัด ลดผลกระทบต่อภาวะสุขภาพ ของประชาชน เศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงของประเทศ สร้างความตระหนักรู้เท่าทันและเตรียม ความพร้อมในการรับมือกับการระบาดของโรคอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล ตลอดจนประเมิน สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้กฎหมายให้ตรงกับความรุนแรงของปัญหา และวางมาตรการป้องกัน ควบคุมและ ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 11 (6) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 จึงมีคําสั่งให้จัดตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)” เรียกโดยย่อว่า “ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19” ขึ้นในสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งอยู่ในทําเนียบรัฐบาลหรือสถานที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีกําหนด และขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี

แต่งตั้ง “คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19)” โดยมีองค์ประกอบ และหน้าที่และอํานาจ  มี นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ส่วนกรรมการอีก 23 คน ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี(นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายประทีป กีรติเรขา) 

ส่วนผู้ช่วยเลขานุการประกอบด้วย รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร (นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม) รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายสมคิด จันทมฤก) อธิบดีกรมการค้าภายใน และอธิบดีกรมควบคุมโรค

ส่วนอำนาจและอํานาจ ประกอบด้วย 1. กําหนดนโยบายและมาตรการเร่งด่วนในการบริหารสถานการณ์ตาม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550  และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ในด้านการสาธารณสุข ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน ด้านข้อมูล ด้านการชี้แจงและการรับเรื่องร้องเรียน ด้านการต่างประเทศ ด้านมาตรการป้องกัน และด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา เพื่อการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอันเกิดจากแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)

2.สั่งการให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐปฏิบัติภายในขอบเขต หน้าที่และอํานาจตามกฎหมาย รวมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนเพื่อให้ดําเนินการเป็นไปตามนโยบายและ มาตรการเร่งด่วนที่กําหนด 3. กํากับดูแล ควบคุมและติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดําเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีเอกภาพ และมีประสิทธิภาพ

4.บริหารจัดการข้อมูลที่ได้รับรายงานจากศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจาก โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เพื่อการประเมินสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน และแนวโน้มของสถานการณ์ในอนาคต 5.ชี้แจงและประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนเพื่อสร้างความรู้เท่าทันและความเข้าใจ ที่ตรงกันในสถานการณ์ดังกล่าว ประธานกรรมการอาจมอบหมายให้กรรมการทําหน้าที่ผู้ชี้แจงและประชาสัมพันธ์ ในนามของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ก็ได้

6.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทํางาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่หรือดําเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เป็นไปตามคําสั่งนี้ได้ตามความจําเป็น และเหมาะสม 7. เชิญบุคคลเข้าร่วมประชุม หรือขอเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานหรือบุคคลใด ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจตามคําสั่งนี้ และ 8. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

นอกจากนี้ คำสั่งระบุว่า ให้คณะกรรมการอํานวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่อ อุบัติใหม่แห่งชาติ ตามคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรีที่ 23/2563 ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 และให้ศูนย์ข้อมูล มาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตามคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 72/2563 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2563 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามเดิมภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด – 19

ให้หน่วยงานของรัฐตามที่ปรากฏในบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ รับผิดชอบการดําเนินการ ในด้านต่าง ๆ และให้รายงานการดําเนินการต่อนายกรัฐมนตรีเป็นลายลักษณ์อักษรหรือด้วยวาจาในวาระ การพิจารณาเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ในการประชุม คณะรัฐมนตรีตามความจําเป็น

และสําหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จําเป็น ต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางานที่แต่งตั้งตามคําสั่งนี้ ให้เป็นไปตาม พระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 หรือตามระเบียบของทางราชการแล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีบัญชีแนบท้ายคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรีฉับบนี้  โดยแบ่งภารกิจเป็น 6มาตรการ ที่มีแต่ละหน่วยงานรับผิดชอบแต่ละมาตรการ  1.มาตรการ ด้านการสาธารณสุข หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทย 

2.ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข  กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม 

3.ด้านข้อมูลการชี้แจงและการรับเรื่องร้องเรียน หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย สํานักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

4.ด้านการต่างประเทศ หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน 

5.ด้านมาตรการป้องกัน หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และทุกกระทรวง 

6.ด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และทุกกระทรวง

นายกฯเซ็นตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โคโรนา” 28อรหันต์-ลุย6ภารกิจ

นายกฯเซ็นตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โคโรนา” 28อรหันต์-ลุย6ภารกิจ

นายกฯเซ็นตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โคโรนา” 28อรหันต์-ลุย6ภารกิจ

นายกฯเซ็นตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โคโรนา” 28อรหันต์-ลุย6ภารกิจ

นายกฯเซ็นตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โคโรนา” 28อรหันต์-ลุย6ภารกิจ