โคโรนาพ่นพิษเลื่อนเปิด อาคารเทียบเครื่องบินสุวรรณภูมิ

11 มี.ค. 2563 | 05:08 น.

ทอท.เลื่อนเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 สนามบินสุวรรณภูมิ ออกไปอีก 6 เดือนเป็นช่วงเมษายนปีหน้า จากแผนเดิมที่กำหนดจะเปิดในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังสะดุดนำเข้าวัสดุก่อสร้างหลากรายการจากจีนไม่ได้ จากผลกระทบไวรัสโคโรนา

          จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท.ได้เลื่อนการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1) ในโครงการลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่2 (ปีงบประมาณ 2554 – 2560)  ออกไปอีกราว 6 เดือน หรือในช่วงเดือนเมษายนปี2564 จากเดิมกำหนดจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน2563 และเปิดให้บริการได้ในเดือนพฤจิกายน 2563

โคโรนาพ่นพิษเลื่อนเปิด อาคารเทียบเครื่องบินสุวรรณภูมิ
          นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า การเลื่อนการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาจากเหตุผลที่ในขณะนี้มีวัสดุอุปกรณ์ในงานก่อสร้างหลายรายการ ยังไม่สามารถส่งมาจากประเทศจีนได้ จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19

โคโรนาพ่นพิษเลื่อนเปิด อาคารเทียบเครื่องบินสุวรรณภูมิ
          การเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องรองหลังรองหลังที่1 ที่จะล่าช้าออกไป จะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของผู้โดยสาร เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบินลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลดลงมากที่สุด ซึ่งนับจากกลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมาจำนวนผู้โดยสารลดลงจากเดิมราว 2 แสนคนต่อวัน เหลืออยู่ที่ราว 9 หมื่นคนต่อวัน โดยผู้โดยสารระหว่างประเทศลดลงราว 60% ผู้โดยสารภายในประเทศลดลงราว 20%

โคโรนาพ่นพิษเลื่อนเปิด อาคารเทียบเครื่องบินสุวรรณภูมิ

โคโรนาพ่นพิษเลื่อนเปิด อาคารเทียบเครื่องบินสุวรรณภูมิ

ทั้งนี้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1  (Midfield Satellite)  หรือ SAT 1 เป็นอาคาร 4 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 216,000 ตารางเมตร สร้างขนานกับอาคารเทียบเครื่องบิน D (Concourse D) และมีการก่อสร้างลานจอดอากาศยาน (Aircraft Parking Area)  มีหลุมจอดอากาศยาน 28 หลุมจอด และการก่อสร้างอุโมงค์พร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM ให้บริการเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก กับอาคาร SAT 1 ซึ่ง เมื่อพัฒนาแล้วเสร็จจะรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี