"บิ๊กตู่"นำทัพศูนย์บริหารฯสู้โคโรนาระบาด

10 มี.ค. 2563 | 11:42 น.

    "บิ๊กตู่"ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาด  บัญชาการเองเพื่อประสานการปฎิบัติทุกกระทรวงให้มีเอกภาพ-ประสิทธิภาพ 

     "บิ๊กตู่"นำทัพศูนย์บริหารฯสู้โคโรนาระบาด

วันนี้ (9 มี.ค.63) เวลา 15.00 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงว่า  รัฐบาลได้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา (โควิด - 19) โดยมีตนเป็นผู้บัญชาการศูนย์ฯ  เพื่อประสานการปฏิบัติของทุกกระทรวงให้มีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ และเพื่อสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข  ในเรื่องหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน ได้สั่งการให้มีการจัดสรรหน้ากากอนามัยแก่บุคลาการทางแพทย์ที่ใกล้ชิดผู้ป่วยอย่างเพียงพอเป็นอันดับแรก และเร่งการผลิตหน้ากากอนามัยทางเลือกหรือหน้ากากผ้า เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เหลือต่อไป
 

จากนั้นได้แจ้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ซึ่งได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบันว่า  มีประเทศที่ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยมากกว่า 110,000 คน ทั้งยังส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม เป็นวงกว้างในหลายประเทศ
    

 

ในส่วนของประเทศไทยเอง เราได้ดำเนินการป้องกันควบคุมอย่างเข้มแข็งมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเฝ้าระวังคัดกรองโรคที่สนามบิน ในชุมชนและที่โรงพยาบาล ทำให้เราสามารถตรวจสอบคัดกรองผู้ป่วย ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้อย่างรวดเร็วขึ้น ข้อมูลการเฝ้าระวัง ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2563 ประเทศไทยพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 4,682 คน และพบผู้ป่วยยืนยัน 53 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 33 คน เสียชีวิต 1 คน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 32 ของโลก
    

ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมการแพร่โรคในประเทศ ด้วยการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม และตามขั้นตอน ในตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในระยะที่ 2 และยังถือว่าควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ไปถึงระยะที่ 3 ได้ ขอให้มีความเข้าอกเข้าใจทุกฝ่ายทั้งผู้เดินทาง ผู้ป่วย และผู้ที่ได้รับผลกระทบ

 

 

ประเด็นหนึ่ง ที่พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจในห้วงเวลานี้คือ การจัดการดูแลพี่น้องแรงงานไทย ที่กำลังจะเดินทางกลับจากสาธารณรัฐเกาหลี และการติดตามเฝ้าระวังโรคในกลุ่มผู้เดินทางมาจาก 4 ประเทศเขตติดโรค ที่ได้มีการประกาศไปแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการดำเนินการในส่วนของแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเกาหลี โดยรัฐบาลได้ดำเนินการคัดกรอง หากแรงงานไทยเหล่านี้มีอาการเข้าข่ายที่จะติดเชื้อก็จะนำส่งโรงพยาบาล ส่วนแรงงานที่ไม่แสดงอาการจะต้องเฝ้าระวังอาการตัวเองอยู่ภายในที่พักอาศัยของตัวเอง เป็นระยะเวลา 14 วัน ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของอาสาสมัครสาธารณสุขหรือ อสม. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
  

ในส่วนของผู้เดินทางที่จะเดินทางมาจากประเทศ ที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเป็นเขตติดโรคนอกราชอาณาจักร รัฐบาลได้กำหนดให้มีมาตรการในการจัดการผู้เดินทางจาก 4 ประเทศเขตติดโรคนอกราชอาณาจักรต้องแสดงใบรับรองแพทย์ และหลักฐานการมีประกันสุขภาพกับสายการบิน ก่อนการเช็คอินที่สนามบินต้นทาง กำหนดให้สายการบินต้องทำการคัดกรองอาการผู้โดยสารทุกคนก่อนออกเดินทางจากสนามบินต้นทาง มีการตรวจคัดกรองไข้และอาการสำคัญที่สนามบินทุกสนามบินในประเทศไทย และกำหนดให้ผู้เดินทางทุกคนต้องเฝ้าระวังอาการตัวเองอยู่ในบ้านหรือในห้องของโรงแรม เป็นระยะเวลา 14 วัน และต้องแจ้งรายงานอาการตัวเอง ตามความเป็นจริงกับเจ้าพนักงานควบคุมโรคทุกวัน โดยในวันนี้ได้มีการสร้างแอปพลิเคชันในโทรศัพท์เพื่อที่จะติดตามและตรวจสอบได้