นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า(กขค.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับรายงานข่าวของกลุ่มธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี)ประมูลซื้อขายธุรกิจเทสโก้โลตัสนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า(สขค.) ขอชี้แจงว่าผู้ที่จะรวมธุรกิจดังกล่าว เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ อาจเข้าข่ายการเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด จะต้องขออนุญาตรวมธุรกิจ ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าพ.ศ. 2560
ทั้งนี้ สขค.จะรอการยื่นเอกสารการขออนุญาตรวมธุรกิจเพื่อนำเสนอคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าพิจารณาโดยจะต้องศึกษา วิเคราะห์ขอบเขตตลาดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกหลายประเภท และศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ การแข่งขันทางการค้า รวมทั้งผู้บริโภค โดยคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า จะพิจารณาว่าเห็นควรอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตแบบมีเงื่อนไขตามที่กฏหมายกำหนด ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีการยื่นขออนุญาตรวมธุรกิจ กับทางสำนักงานฯ และหากมีความจำเป็นสามารถขยายระยะเวลาได้อีก 15 วัน
สขค. ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ได้มีการติดตามข่าวการรวมธุรกิจดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและมีการรวบรวมศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แต่การที่ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรวมธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนของผู้ที่มีข่าวจะซื้อธุรกิจเป็นผู้ประกอบธุรกิจรายใดบ้าง และรวมธุรกิจในรูปแบบใดบ้าง ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ อาจมีผลต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องและอาจจะมีผลต่อราคาซื้อขายซื้อธุรกิจดังกล่าว
ก่อนหน้านี้นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้า กล่าวไว้ว่า การซื้อขายกิจการ “เทสโก้ โลตัส” ในประเทศไทย หากเกิดขึ้นจะต้องดําเนินการขออนุญาต และต้องได้รับการอนุญาตจาก กขค. ก่อนจึงจะทําการรวมธุรกิจได้ เนื่องจากเข้าข่ายเป็นการรวมธุรกิจ ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 หากฝ่าผืนไม่ดําเนินการตามที่กฎหมายกําหนด ต้องถูกลงโทษปรับสูงสุดในอัตราร้อยละ 0.5 ของมูลค่าธุรกรรมในการรวมธุรกิจ
ทั้งนี้ การรวมธุรกิจ ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 กําหนดแนวปฎิบัติไว้ 2 แนวทาง ประกอบด้วย แนวทางแรก : เมื่อมีการรวมธุรกิจแล้วอาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งมีอํานาจเหนือตลาด (มีส่วนแบ่งตลาดเกินร้อยละ 50 และมียอดเงินขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป หรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจ 3 รายแรกในตลาดมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันเกินร้อยละ 75) ต้องขออนุญาต จาก กขค. ก่อนและต้องได้รับการอนุญาตจึงจะทําการรวมธุรกิจได้
แนวทางที่สอง : เมื่อมีการรวมธุรกิจแล้ว อาจก่อให้เกิดการแข่งขันลดลงอย่างมีนัยสําคัญ ต้องแจ้งให้ กขค. ทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่รวมธุรกิจ โดย กขค. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่าเป็นการรวมธุรกิจที่มียอดเงินขายในตลาดตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป และไม่ก่อให้เกิดการผูกขาด หรือ เป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอํานาจเหนือตลาด