กลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ชนะการประมูลเทสโก้โลตัสในประเทศไทยและมาเลเซีย ด้วยวงเงิน 10,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3.38 แสนล้านบาท โดย CPALL ถือ 40% และบริษัทอื่นๆกลุ่มซีพีถือ 60% (ซีพี เมอร์แชนไดซิ่ง 20%)
สำหรับการเข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัสมี 3 กลุ่มบริษัทใหญ่ของไทย จาก 3 ตระกูลที่สนใจ คือ กลุ่ม ซีพี ของตระกูลเจียรวนนท์ , เซ็นทรัล กรุ๊ป ของตระกูลจิราธิวัฒน์ และทีซีซี กรุ๊ป ของตระกูลสิริวัฒนภักดี
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า กลุ่มทีซีซี กรุ๊ปของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เตรียมใช้สินเชื่อระยะสั้น 2 ปีที่กู้มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.14 แสนล้านบาท เข้าซื้อกิจการทั้งในไทยและมาเลเซียของ "เทสโก้" ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสัญชาติอังกฤษ
ปัจจุบันเครือซีพี เป็นเจ้าของกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ 2 รายคือ “เซเว่น อีเลฟเว่น” โดยบมจ. ซีพี ออลล์ และ “แม็คโคร” โดยบมจ.สยามแม็คโคร แม้แบรนด์หนึ่งจะเป็นร้านสะดวกซื้อ หรือคอนวีเนียน สโตร์ และอีกแบรนด์เป็นศูนย์ค้าส่ง หรือแคช แอนด์ แครี่ แต่ต้องยอมรับว่าทั้งสองแบรนด์เป็นเบอร์ 1 ในตลาด
ปี 2561 บมจ. ซีพีออลล์ มีรายได้รวม 5.27 แสนล้านบาท เติบโต 7.9% มีกำไร 2.09 หมื่นล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2562 มีรายได้รวม 2.82 แสนล้านบาท เติบโต 9.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 1.05 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ บมจ. สยามแม็คโคร มีรายได้รวม 1.88 แสนล้านบาท เติบโต 3.2% มีกำไร 5,942 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2562 มีรายได้รวม 1.03 แสนล้านบาท มีกำไร 2,703 ล้านบาท
รวมเครือซีพี มีรายได้จากกลุ่มค้าปลีก 2 รายใหญ่นี้กว่า 7 แสนล้านบาท หากซื้อกิจการของเทสโก้ โลตัสสำเร็จ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก 1.98 แสนล้านบาท นั่นหมายความว่าเครือซีพี จะมีรายได้จากธุรกิจค้าปลีกเกือบ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมค้าปลีกค้าส่งเมืองไทย ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท