“ศรีสุวรรณ”ลุยแล้ว! ยื่นผู้ตรวจฯสอบกักตุนหน้ากากอนามัย

09 มี.ค. 2563 | 06:45 น.

"ศรีสุวรรณ ร้องผู้ตรวจฯชงนายกปลดรมว.พานิชย์- อธิบดีกรมการค้าภายใน ฐานไร้ประสิทธิภาพแก้ปัญหา หน้ากากอนามัยขาดแคลน ชี้คนสนิทรัฐมนตรีกักตุนสินค้าน่าจะทำเป็นกระบวนการใหญ่

 

วันนี้( 9 ก.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิช หรือนายกรัฐมนตรีและครม.ให้ปลดอธิบดีกรมการค้าภายใน และรมว.พาณิชย์ ฐานไร้ประสิทธิภาพในการจำหน่ายจ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้กับสถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไป

                      “ศรีสุวรรณ”ลุยแล้ว! ยื่นผู้ตรวจฯสอบกักตุนหน้ากากอนามัย    “ศรีสุวรรณ”ลุยแล้ว! ยื่นผู้ตรวจฯสอบกักตุนหน้ากากอนามัย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การบริหารจัดการของกระทรวงพาณิชย์ ของกรมการค้าภายในไร้ประสิทธิภาพ เพราะว่าเรื่องนี้ทางรัฐบาลได้รับรู้ปัญหามาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2562 แต่ก็ไม่ได้มีการบริหารจัดการที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีการออกประกาศกรมการค้าภายในเปิดช่องให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกหน้ากากอนามัยในขณะที่ทั่วประเทศยังขาดแคลนกันมาก โดยเฉพาะฝั่งบุคลากรของโรงพยาบาล ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนที่เข้าใช้บริการด้วย 

 

“ปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัยเป็นเรื่องที่หลายคนพูดกันหนาหูในขณะนี้ ทำไมหน่วยงานรัฐไม่สามารถที่จะแจก หรือกระจายหน้ากากอนามัยไปยังหน่วยงานหรือสถานร้านค้า รวมถึงร้านขายยาได้ แต่กลับมีการขายกันเกลื่อนในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งในความรู้สึกของประชาชน อธิบดีกรมการค้าภายในยังออกมาพูดว่าได้จำหน่าย จ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้กับร้านขายยาไปครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) สมาคมร้านขายยากลับออกมาระบุว่าไม่เคยได้รับหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายในเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แสดงให้เห็นว่ากรมการค้าภายในโกหกคำโตต่อประชาชน และเป็นการสร้างภาพให้ดูดีว่าตัวเองทำงานดูแลแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด ซึ่งเป็นข้อเท็จทั้งสิ้น” 

 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในโซเชียลมีเดียยังมีการเปิดเผยข้อมูลว่า มีคนสนิทของรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ไปกักตุนสินค้ามากกว่า 200 ล้านชิ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกระบวนการที่ใหญ่ คาดว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นเรื่องยากที่จะแสวงหาต้นตอที่แท้จริงว่ามีคนที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถ้าสืบตามเส้นทางการเงินก็น่าจะรู้ว่าบุคคลเหล่านี้มีแบ็คที่แท้จริง หรือว่ากระทำการด้วยตนเอง  

 

 

“เรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นสำคัญว่า เป็นความล้มเหลวที่ชัดเจนของกรมการค้าภายใน โดยทางผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถแสวงหาข้อเท็จจริง หรือมีคำเสนอแนะไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะรีบแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว มิเช่นนั้นปัญหานี้จะลุกลามบานปลายจนเป็นกระทบต่อรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ถ้ารมว.พาณิชย์ และกรมการค้าภายในไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ บุคคลเหล่านี้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในตำแหน่ง ควรเปลี่ยนคนใหม่ที่มีศักยภาพในการทำงานเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนของสังคมไทยในขณะนี้”