จากการที่โอเปก หรือกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรของกลุ่มโอเปก ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(6 มี.ค.) โดยรัสเซียไม่ยอมขยายเวลาและลดเพดานการผลิตลงมาอีก ส่งสัญญาณถึงความสัมพันธ์ระหว่างโอเปกกับรัสเซียที่คลอนแคลนลง สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงมา
ทั้งนี้ ในการประชุมที่ผ่านมา โอเปกเสนอให้รัสเซียลดการผลิตน้ำมันดิบลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนไปจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะส่งผลให้กลุ่มโอเปกและพันธมิตร มีการลดกำลังการผลิตทั้งหมด 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อชดเชยอุปสงค์น้ำมันที่ลดฮวบลงไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม รัสเซียไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยยืนยันให้กลุ่มโอเปกและพันธมิตรคงการลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงเดิมในปีที่ผ่านมา (2562) ที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้
ความไม่ลงรอยดังกล่าว ทำให้ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกที่ทรงอิทธิพลในโอเปก เตรียมจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบให้เหนือระดับปัจจุบัน 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน โดยตลาดคาดหมายว่า มีความเป็นไปได้ที่กำลังการผลิตของซาอุฯจะขึ้นไปถึงระดับ 12 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ดัชนีราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดยุโรปร่วงลง 30% สู่ระดับ 31.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐฯ ลดลง 27% มาอยู่ที่ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เดเมียน คัวร์วาลิน นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 2 และ 3 ราคาน้ำมันดิบอาจปรับลดลงอีกสู่ระดับ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ นอกเหนือจากความเคลื่อนไหวของกลุ่มโอเปกและพันธมิตรอย่างรัสเซียแล้ว สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตลาดมีความต้องการน้ำมันดิบลดลง ขณะที่อุปทานมีมากเกินไป