เปิดพอร์ตเศรษฐีหุ้นไทย "สารัชถ์"ยืนเดี่ยวฝ่าโคโรนารวยเพิ่ม 6พันล้าน

06 มี.ค. 2563 | 15:01 น.

เศรษฐีหุ้นไทย 2 เดือน "สารัชถ์ รัตนาวะดี" ฝ่าแรงต้านโคโรนารวยขึ้น 6 พันล้านบาทจากราคาหุ้น GULF ที่ปรับขึ้นร่วม 5%"หมอเสริฐ" รวยน้อยลง 7 พันล้านบาท ส่วน"เสี่ยตึ๋ง"แลนด์แอนด์เฮาส์ มูลค่าพอร์ตหดอัตรามากสุด 12.83% 

 

ไวรัสโคโรนา (โควิด-19 )ที่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้นักทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ( หุ้น /น้ำมัน )ฉุดดัชนีหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนทำสถิติต่ำสุดในช่วง 4 ปี  ปรับลงแรง 205 จุด หรือ -12.96% สู่ระดับ 1,375จุด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563

เปิดพอร์ตเศรษฐีหุ้นไทย "สารัชถ์"ยืนเดี่ยวฝ่าโคโรนารวยเพิ่ม 6พันล้าน   

ฐานเศรษฐกิจ" ได้สำรวจความมั่งคั่งจากถือครองหุ้นของ 12 เศรษฐีหุ้นไทย ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว พบว่านายสารัชถ์ รัตนาวะดี หรือ “เสี่ยกลาง”ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF เป็นเพียงรายเดียวที่มั่งคั่งขึ้น โดยหุ้น GULF ที่นายสารัชถ์ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1สัดส่วน  35.44% จำนวน 755,999,994 หุ้น มีมูลค่ารวม ณ วันที่ 3 มีนาคม 2563 อยู่ที่ 1.28 แสนล้านบาท เพิ่มราว 5% เทียบจากวันที่ 20 ธันวาคม 2562  เนื่องจากหุ้น GULF ปรับขึ้นจาก 161.50 บาท เป็น 169.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4.95% (ตารางประกอบ)

ส่วนเศรษฐีหุ้นที่มูลค่าพอร์ตลดลงในอัตราเลขหลักเดียว อาทิ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA หรือ บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย)  มีมูลค่าพอร์ตรวม 39,503 ล้านบาท ลดลง 0.65%  เป็นผลมาจากหลักทรัพย์ที่ถือ 2 ตัว คือ TOA 182,600,000 หุ้น สัดส่วน 9% โดยหุ้น TOA ได้ปรับลดลงจาก 39.75บาท หรือ -19.5% มาอยู่ระดับ 32.00 บาท ในช่วงดังกล่าว แต่ได้ตัวช่วยจากหุ้นบมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น  (STARK ) ที่นายวนรัชต์ ถือหุ้นใหญ่ 69.29%  หุ้น STARK ปรับขึ้น  3.55% มาอยู่ระดับ 2.04 บาท

พิชญ์ โพธารามิก มูลค่าพอร์ตลดลง 4.72%  อยู่ที่ 24,590 ล้านบาท จากหลักทรัพย์ที่ถือใน บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) สัดส่วน 55.69% มูลค่า 22,314 ล้านบาท และหุ้น บมจ.โมโนเทคโนโลยี( MONO) สัดส่วน 64.29% มูลค่า 2,276 ล้านบาท โดยหุ้น JAS ปรับลดลง 3.36% สู่ระดับ 4.88 บาท หุ้น  MONO ลดลง 11.30 % มาอยู่ระดับ1.02บาท 

ชูชาติ เพ็ชรอำไพ และภรรยา ดาวนภา เพ็ชรอำไพ มีมูลค่าพอร์ต 42,156 ล้านบาทและ 42,480 ล้านบาทตามลำดับ  -5.68% และ -5.60% ตามลำดับ จากการถือหุ้นใหญ่บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) โดยนายชูชาติถืออยู่  33.49% และดาวนภาถือ 33.96% หุ้น MTC ปรับลดลง 3.50 บาท หรือ - 5.60% มาอยู่ระดับ 59.00 บาท 

นอกจากนี้พอร์ตของนายชูชาติ ยังรวมไปถึงหุ้นที่ถือในอีก 7 หลักทรัพย์คือ บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) สัดส่วน 0.53% , บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) 4.38%, บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) 1.28%, บมจ.โซลาร์ตรอน(SOLAR) 5.52%, บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) 0.73% บมจ. เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN) 1.26%  และบมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX ) 0.73% 

สมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มูลค่าพอร์ตที่ถือ   35,288 ล้านบาท ลดลง 2,633 ล้านบาท หรือ - 6.94%  จากการถือ EA 23.50% และบมจ. อีเทอเนิล เอนเนอยี หรือ EE  0.92%  โดยหุ้น EA  ปรับลดลงในช่วง 2 เดือนประมาณ 3.00 บาท หรือ - 6.94% อยู่ระดับ 40.25 บาท  

ด้านนักลงรายใหญ่วีไอ "นิติ โอสถานุเคราะห์" และทายาทอาณาจักรโอสถสภา มีมูลค่าพอร์ต 44,318 ล้านบาท ปรับลดลง 8.23% จากหุ้นที่ถือ 11 หลักทรัพย์ ได้แก่  บมจ.โอสถสภา (OSP) นิติ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2  ถือสัดส่วน 16.28%,บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT), บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO), บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL), บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI), บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA), บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (SNP), บมจ. อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) (IRC ), บมจ. โอเชียนกลาส (OGC) และ บมจ. ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED) 

มูลค่าพอร์ตหุ้นของนายนิติที่ลดลง มาจากหุ้น OSP ช่วง 2 เดือนปรับเพิ่มขึ้น 2.45% อยู่ระดับ 41.75 บาท แต่เนื่องจากหุ้นใหญ่ที่นายนิติถือ อยู่ในกลุ่มบริการท่องเที่ยวและค้าปลีก ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากไวรัสโคโรนา คือ MINT ถือสัดส่วน 8% ในช่วง 2 เดือน รูดลงกว่า 19.44%  มาอยู่ระดับ 29 บาทปัจจุบัน  หุ้น HMPRO ร่วง 14.33% อยู่ระดับ 13.45 บาท 

ส่วนเศรษฐีหุ้นไทยที่ความมั่งคั่งหดในอัตรามากสุดคือ "เสี่ยตึ๋ง"อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) มูลค่าพอร์ต 24,319 ล้านบาท  ลดลง 3,578 ล้านบาทหรือ -12.83% เนื่องจากอุตสาหกรรมอสังหาฯได้รับกระทบโดยตรงทั้งจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เกณฑ์ธปท.เรื่อง LTV ( Loan-to-value )รวมถึงผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ส่งผลให้มูลค่าหุ้น LH ที่ถือ 23.93% ปรับลดลงตามราคาหุ้นจากหุ้นละ 9.75 บาท มาอยู่ระดับ 8.50 บาท นอกจากนี้นายอนันต์ยังถือหุ้นใน บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) สัดส่วน1.36% 

ส่วนเจ้าสัวนายเจริญและคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี มูลค่าหุ้นที่ถือ 48,063 ล้านบาทและ 39,529 ล้านบาท ตามลำดับ -11.09% และ -11.56% ตามลำดับ  จากการถือหุ้นใน 2 บริษัทคือบมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป ( AWC)  ซึ่ง AWC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ที่ราคาไอพีโอหุ้นละ 6.00 บาท เจ้าสัวเจริญถือหุ้น AWC สัดส่วน  25.12% คุณหญิงวรรณา 19.77% และทั้งคู่ยังถือหุ้นบมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ (SEG) สัดส่วนรายละ 37.38%  

หุ้น AWC ปรับลดลงมาอยู่ระดับ 5.15 บาท หรือ - 8.85% จากราคาปิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม62  และลดลงจากราคาจองแล้ว14.17% ส่วนหุ้น SEG ลงมาอยู่ระดับ 28.50 บาท ปรับลงเดิมที่ 36.00 บาทหรือ - 20.83%

คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS มูลค่าพอร์ต 37,866 ล้านบาท ลดลง 4,758 ล้านบาท หรือ -11.16% จากหุ้นที่ถือใน BTS สัดส่วน 24.25%, บมจ.วีจีไอ (VGI) 0.55% และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) สัดส่วน 1.71%  โดยหลักเป็นผลจากหุ้น BTS ช่วง 2 เดือนปรับลดลง 13.53% จาก13.30 บาทมาอยู่ระดับ11.50 บาทในปัจุบัน

ส่วนเศรษฐีหุ้นไทยอันดับสอง นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ“หมอเสริฐ”เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ มีมูลค่าพอร์ตหุ้นที่ถือรวม 61,333 ล้านบาท ลดลง 7,086 ล้านบาท หรือ -10.36% จากหุ้นที่หมอเสริฐ ถือ 3 หลักทรัพย์คือ BDMS สัดส่วน 16.66% ,บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) 10.61% และบมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV)  1.37%  หุ้น BDMS ปรับลดลง 2.55 บาทหรือ - 10.10% มาอยู่ระดับ 22.70 บาทเมื่อ 3 มีนาคมที่ผ่านมา 

แม้ความมั่งคั่งในช่วง 2 เดือนของบรรดาเศรษฐีหุ้นไทยทั้ง 11 ราย (ยกเว้นนายสารัชถ์ รัตนาวะดี )จะปรับลดลง แต่โดยรวมยังปรับลดในอัตราน้อยกว่าดัชนีตลาด โดย SET Index ร่วง 12.96%  อย่างไรก็ดีคาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นครึ่งหลังจะดีขึ้นกว่าครึ่งแรก.