ลุ้นกกต.ลงดาบ2 ฟันอาญา‘ธนาธร’ พิษถือหุ้นสื่อ-คุกสูงสุด10ปี
ผลของคดีถือหุ้นสื่อ “บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด” กลายเป็นเงาติดตามตัว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จนถึงวันนี้ นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากถือหุ้นสื่อ เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. และสั่งให้ นายธนาธร พ้นสมาชิกภาพ นับตั้งแต่วันที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
กลายเป็นคดีเกี่ยวเนื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรับไม้ต่อมาดำเนินการทางอาญากับนายธนาธร โดยต้องยื่นฟ้องต่อ “ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง” ในความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง 2561 มาตรา 151 ระบุที่ว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
กรณีนี้ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 ในการประชุม กกต. มีการพิจารณาความเห็นของสำนักงาน กกต. ต่อการดำเนินคดีอาญาต่อนายธนาธร ซึ่งการดำเนินการในชั้นอนุกรรมการสืบสวนฯ เสร็จสิ้นแล้ว และเสนอเข้าที่ประชุม กกต. แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และจะมีการประชุมของกกต.เพื่อพิจารณาเรื่องนี้กันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 9 มีนาคมนี้
“คาดว่าในการประชุม กกต.วันที่ 9 มีนาคมนี้ กกต.จะมีมติให้ดำเนินคดีอาญาต่อ นายธนาธร หรือไม่ออกมาแน่นอน” แหล่งข่าวจาก กกต. ระบุ
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นคำร้องจี้ กกต.ขอให้เร่งดำเนินคดีอาญากับนายธนาธรโดยเร็ว เนื่องจากเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจน และตามกฎหมายถือเป็นเด็ดขาดผูกพันทุกองค์กร
ทั้งยังขอให้กกต.ดำเนินการตรวจสอบพยาน 10 ปากที่ศาลเรียกไต่สวนในคดีนี้ด้วย เนื่องจากทั้งหมดเป็นพยานฝ่ายนายธนาธร เหตุเพราะคำวินิจฉัยของศาลในคดีนี้ชี้ให้เห็นว่า การให้ถ้อยคำของพยานทั้งหมดต่อศาลในชั้นไต่สวนไม่ได้เป็นไปตามข้อเท็จจริง อาจจะเป็นการเบิกความเท็จต่อศาลได้ ซึ่งจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมาในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 สำนักงาน กกต.ได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ กกต. พิจารณาถึงขั้นตอนและวิธีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ดังกล่าว โดยที่ประชุม กกต. ได้มอบหมายให้ เลขาธิการ กกต. ขอคัดสำเนาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 14/2562 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และความเห็นส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้คณะกรรมการ สืบสวนและไต่สวนศึกษาและวิเคราะห์รายละเอียดในคำวินิจฉัย และความเห็นส่วนตนดังกล่าวด้วยความรอบคอบว่า สมควรจะดำเนินการตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) และมาตรา 151 หรือบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ แล้วให้ทำความเห็นเสนอต่อ กกต. พิจารณาตามหน้าที่และอำนาจ
อย่างไรก็ดี สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ระบุว่า ในส่วนเกี่ยวกับคดีอาญาของนายธนาธรนั้น การดำเนินการกรณีคดีอาญาเป็นการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 151 (ผู้ใดรู้อยู่ว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการ เมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ) ซึ่งมีกระบวนการ “ไต่สวน” ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนต้องแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอสำนวนต่อ กกต.เพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด
ในการนี้ ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาทราบข้อกล่าวหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานโดยสรุป รวมทั้งให้โอกาสมาให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานด้วย กรณี นายธนาธร มีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 151
ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) รู้อยู่ว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561
นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธร เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่ 9 มีนาคม 2563 ที่คาดว่า กกต.จะมีมติอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ใช้ระยะเวลารวม 79 วัน
รอลุ้นกันอีกทีว่าเมื่อถึงวันนั้น กกต.จะมีมติเรื่องนี้ออกมาอย่างไร
แต่มีแนวโน้มสูงที่ “ธนาธร” จะต้องเจอกับ “ดาบ 2” ถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี
หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,555 วันที่ 8-11 มีนาคม 2563