นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ศูนย์ปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร) โดยเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มผู้ค้าออนไลน์ที่ขายหน้ากากอนามัย ผ่านสื่อสังคมออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ามี การจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เฟสบุค และมีพฤติกรรมที่จำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาสูงเกินที่กำหนด โดยใช้ชื่อเพจ “หน้ากากอนามัยราคาถูก” พบว่ามีผู้มาโพส ซื้อ-ขายหน้ากากอนามัยจำนวนมาก และมีผู้เข้ามาโพสต์จำหน่ายหลายราย มีการเสนอขายในราคาที่สูงเกินราคาที่กำหนด
โดยเจ้าหน้าที่ได้แฝงตัวไปเป็นผู้ซื้อ ติดต่อกับผู้ใช้เฟสบุค บัญชี “Prao Kanokwan” ที่มีการโฆษณาเสนอขายสินค้าหน้ากากอนามัยยี่ห้อ PHUONG NAM แจ้งสินค้าพร้อมส่ง 500,000 ชิ้น ได้ติดต่อทางช่องสนทนา (Inbox) ของเฟสบุค ดังกล่าว ตกลงซื้อขายหน้ากากอนามัย จำนวน 10,000 ชิ้น หรือ 200 กล่อง ในราคา กล่องละ 650 บาท
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้นัดหมายส่งมอบสินค้าในวันที่ 6 มี.ค.63 เวลา 09.00 น. โดยผู้ขายได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อเบอร์ 0806010623
และเมื่อถึงวันเวลาตามนัดหมาย ติดต่อไปยังหมายเลขดังกล่าว ผู้รับสายแจ้งให้ไปรับสินค้า ที่บริเวณหน้าโกดัง B ตลาดโรงเกลือ เมื่อไปถึงพบชายยืนอยู่(ทราบชื่อภายหลังนายซาเมต วอน สัญชาติกัมพูชา) พร้อมสินค้าหน้ากากหน้ากากอนามัย 200 กล่อง ต่อ 10,000 ชิ้น
ทั้งนี้ นายซาเมต ยอมรับว่า สินค้าดังกล่าว น.ส.พัฒษณียา เจริญพันธุจันทร์ ได้แจ้งให้นำมาจำหน่ายให้กับลูกค้า โดย นส.พัฒษณียา จะได้รับค่าตอบแทน 20-30 บาท/กล่อง ดังนั้นจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันจำหน่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควรหรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้าอันเป็นความผิดตามมาตรา 29 และมีโทษตามมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 หากฝ่าฝืนจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามขั้นตอนกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป
โดยรมว.ดีอีเอส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางกระทรวงพยายามติดตามผู้ใช้ช่องทางออนไลน์ในการหาประโยชน์ หลอกลวงประชาชนในสถานการณ์ไวรัสCOVID-19 เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบและถูกเอาเปรียบ โดยจะมีการตรวจสอบ จับกุม พร้อมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามขั้นตอนกฎหมายอย่างจริงจัง