‘ดีทรอยต์แห่งอินเดีย’ รัฐทมิฬนาฑู ดันนโยบายรถ EV เต็มสูบ

รัฐทมิฬนาฑู (Tamil Nadu) เป็น 1 ใน 29 รัฐของอินเดีย ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ มีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิต และพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของอินเดีย มีเมืองเจนไน (Chennai) เป็นเมืองหลวง

รัฐนี้สามารถส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนได้มากที่สุดถึง45% ของการส่งออกทั้งหมดของอินเดียจนได้รับฉายาว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ หรือ “ดีทรอยต์แห่งอินเดีย” (Detroit of India) จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐทมิฬนาฑู จะเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่มีบริษัทรถยนต์ต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตจำนวนมาก ทั้งค่ายรถจากยุโรป อเมริกา และเอเชีย

การเติบโตของสังคมเมืองและเศรษฐกิจทำให้ปริมาณยานยนต์ในรัฐทมิฬนาฑูเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 3.21 ล้านคันในปี 2524 เป็น 27.7 ล้านคันในปี 2562 โดยคาดการณ์ว่าจำนวนยานยนต์ในรัฐนี้อาจสูงถึง 98 ล้านคันในปี 2573 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของจำนวนยานยนต์จะเป็นตัวการสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้รัฐบาลทมิฬนาฑูเร่งกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่ก่อมลพิษน้อยที่สุดมีประสิทธิภาพ และราคาถูก และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals จึงได้มีมาตรการในการส่งเสริมการลงทุนให้กับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขันในการเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ในอาเซียน

นโยบายส่งเสริมการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ EV (Electric Vehicles) ของรัฐทมิฬนาฑูจึงถือกำเนิดขึ้นสอดคล้องไปกับแผนการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ ปี 2563 ที่รัฐบาลอินเดียได้ริเริ่มขึ้นในปี 2556 เพื่อปรับเปลี่ยนการผลิตรถยนต์ทั่วไปในอินเดียมาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลอินเดียมีเป้าหมายจะส่งเสริมเรื่องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง 30% ภายในปี 2573

มีการลงทุนในส่วนของภาครัฐในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ EV ไปแล้วกว่า 5 แสนล้านรูปี โดยคาดว่าจะสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นได้ 1.5 แสนราย นอกจากนี้ทางรัฐยังได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในรัฐอีกด้วย อาทิ (1) สร้างระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มั่นคงและสอดรับกับการใช้งานรถยนต์ EV เช่น ที่สำรองไฟฟ้า และสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (2) สนับสนุนการวิจัยและสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้รัฐทมิฬนาฑูเป็นศูนย์กลางรถยนต์ EV ของอินเดีย (3) สร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ EV โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในรัฐ และสร้างงานในสายงานการผลิตรถยนต์ EV และ (4) ผลักดันให้รัฐทมิฬนาฑูเป็นแหล่งลงทุนและผลิตรถยนต์ EV พร้อมทั้งอุปกรณ์และชิ้นส่วนอุปกรณ์

รัฐทมิฬนาฑูยังได้กำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ EV มากขึ้น อาทิ การยกเว้นภาษีถนน และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนแก่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ซื้อใหม่ รถสามล้อ รถขนส่งมวลชน รถแท็กซี่ และรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจนถึงสิ้นปี 2565 เช่นเดียวกับรถยนต์ส่วนบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นภาษีถนนโดยเริ่มจาก 50-100% จนถึงปลายปี 2565 ส่วนการสนับสนุนภาครัฐและเอกชนในการลงทุนสร้างสถานีชาร์จไฟนั้น ทางรัฐทมิฬนาฑูได้กำหนดมาตรการส่งเสริมต่างๆ เช่น การสร้างสถานีชาร์จไฟในทุกๆ 25 กิโลเมตรตลอด 2 ข้างทางของทางหลวงชนบทและทางหลวงแผ่นดิน และค่าไฟของสถานีชาร์จไฟจะมีราคาไม่เกิน 15% ของต้นทุนการผลิต

นอกจากมาตรการข้างต้นแล้ว รัฐบาลทมิฬนาฑูยังเตรียมที่จะแก้ไขกฎหมายอาคารและสิ่งก่อสร้างเพื่อรองรับสถานีชาร์จไฟภายในอาคารสำนักงานและที่พัก อาทิ การจัดสรรและกำหนดพื้นที่จอดรถ 10% สำหรับรถยนต์ EV ในโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ และอพาร์ตเมนต์ รัฐทมิฬนาฑูยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ด้วยโดยจะมีการปรับปรุงหลักสูตรด้านวิศวกรรมในสถาบันการศึกษา การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้าน EV รวมทั้งการจัดฝึกอบรมทักษะสำหรับหลักสูตรระยะสั้นในด้าน EV เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จบการศึกษาด้านวิศวกรรม

ในส่วนของประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ควรเร่งเรียนรู้และปรับตัวเพื่อก้าวให้ทันนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไทยกำลังสร้างศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกของอาเซียนที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2563 หากมองมายังรัฐทมิฬนาฑูจะพบว่ามีทั้งศักยภาพและความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จึงถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการไปเปิดตลาดที่อินเดีย แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการควรจะต้องเล็งเห็นถึงความสำคัญในการปรับตัว ด้านเทคโนโลยีและการออกแบบนวัตกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคตและรองรับตลาดที่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอีกมาก

หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,555 วันที่ 8 - 11 มีนาคม พ.ศ. 2563