ก.ล.ต.แนะผู้ลงทุนหุ้นกู้ต้องศึกษา ติดตามและใช้สิทธิ์

06 มี.ค. 2563 | 05:27 น.

ก.ล.ต.แนะผู้ลงทุนในหุ้นกู้ ศึกษา-ติดตาม-ใช้สิทธิ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำและเศรษฐกิจผันผวน  คนหันไปลงทุนหุ้นกู้ เพราะเห็นว่าจ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอและได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล, CFA CAIA ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทีมโฆษก และฝ่ายตราสารหนี้ กล่าวว่าทางเลือกหนึ่งของการลงทุนที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจในภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำและเศรษฐกิจมีความผันผวนเช่นในปัจจุบัน คือ หุ้นกู้ เพราะมีการจ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอและได้รับเงินต้นคืนเมื่อหุ้นกู้ครบกำหนด ซึ่งหากสนใจลงทุนในหุ้นกู้ควรศึกษาและทำความเข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ทั้งก่อนและหลังจากที่ลงทุนไปแล้ว

ทั้งนี้แม้ว่าผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิที่จะได้เงินคืนเป็นลำดับต้น ๆ ผู้ลงทุนก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรศึกษาทำความเข้าใจ และวิเคราะห์ข้อมูลให้ถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนการตัดสินใจลงทุน ซึ่งข้อมูลที่ควรให้ความสนใจหลัก ๆ ที่สามารถดูได้จากหนังสือชี้ชวนแบบสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (แบบ factsheet) และงบการเงิน เช่น บริษัทผู้ออกเป็นใคร อยู่ในอุตสาหกรรมใด หุ้นกู้ที่จะลงทุนมีลักษณะอย่างไร อายุและอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างไร เงินที่ได้จะนำไปทำอะไร อันดับความน่าเชื่อถือทั้งของบริษัทผู้ออกและหุ้นกู้ที่จะลงทุนเป็นอย่างไร เป็นต้น

นอกเหนือจากข้อมูลสำคัญข้างต้นแล้ว ผู้ลงทุนยังต้องให้ความสนใจกับความเสี่ยงของหุ้นกู้ รวมทั้งประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเองด้วย ซึ่งความเสี่ยงสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นกู้ ได้แก่ ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และความเสี่ยงด้านราคา และเมื่อตัดสินใจลงทุนในหุ้นกู้ไปแล้ว ผู้ลงทุนควรติดตามข้อมูลของบริษัทผู้ออกและข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ เช่น ผลการดำเนินงาน การปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิ และการเปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือ เป็นต้น เพื่อประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ยังคงอยู่ในขอบเขตที่รับได้หรือไม่ หรือมีโอกาสที่บริษัทผู้ออกจะผิดนัดชำระหนี้ในระยะเวลาอันใกล้หรือไม่ ซึ่งสามารถดูได้จากงบการเงินของบริษัทผู้ออกและบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. หรือสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

ส่วนหุ้นกู้ที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปและผู้ลงทุนรายใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ก.ล.ต. กำหนดให้มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อช่วยตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิของบริษัทผู้ออก หากบริษัทผู้ออกไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิและเกิดความเสียหายขึ้น ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะทำหน้าที่เรียกร้องค่าเสียหายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ โดยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น บริษัทผู้ออกประสบปัญหาสภาพคล่อง มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ หรือใกล้ละเมิดข้อกำหนดสิทธิเกี่ยวกับการดำรงอัตราส่วนทางการเงิน เป็นต้น   ทำให้บริษัทผู้ออกอาจจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้น และแก้ไขข้อกำหนดสิทธิ 

หากบริษัทจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้น และแก้ไขข้อกำหนดสิทธิ ผู้ลงทุนควรซักถามบริษัทผู้ออกหรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วน เพียงพอต่อการตัดสินใจลงมติ โดยอย่างน้อยควรครอบคลุมประเด็นต่อไปนี้ สาเหตุของการผิดนัดชำระหนี้ ,ข้อเสนอและเงื่อนไขในการขอขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้น, แผนการจัดหาแหล่งเงินเพื่อการชำระคืนหนี้ทั้งหมด ระยะเวลาการดำเนินการ ความเป็นไปได้ของแผนที่วางไว้ ความเพียงพอที่จะรองรับการชำระหนี้ และการรายงานความคืบหน้า, ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และผลกระทบของการลงมติในแต่ละทางเลือก และขั้นตอนการดำเนินการตามข้อกำหนดสิทธิในการเรียกร้องให้บริษัทผู้ออกชำระหนี้ทั้งหมด กรณีที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ลงมติไม่อนุมัติ

ในกรณีที่บริษัทผู้ออกมีการผิดนัดชำระหนี้ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะมีบทบาทสำคัญมากในการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อหาข้อสรุปและนำมติที่ประชุมไปแจ้งต่อบริษัทผู้ออก หากบริษัทผู้ออกยังไม่ดำเนินการใด ๆ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะดำเนินการเรียกให้ชำระหนี้ บังคับหลักประกัน และเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้

สำหรับหุ้นกู้ที่ไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ลงทุนจะต้องติดตามข้อมูลข่าวสาร ผลการดำเนินงาน การปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิของบริษัทผู้ออกอย่างใกล้ชิด และดำเนินการต่าง ๆ เพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของตน ซึ่งรวมถึงการฟ้องร้องดำเนินคดีกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหุ้นกู้นั้นจะมีการแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้หรือไม่ก็ตาม ก.ล.ต. ขอให้ผู้ลงทุนเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองเพื่อซักถามผู้บริหารและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงมติเสมอ เพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองอย่างดีที่สุด