“ทรัมป์”ลั่น 0.50% ยังไม่พอ เฟดต้องหั่นดอกเบี้ยลงอีก
ในที่สุดคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ก็สร้างเซอร์ไพรส์วานนี้(3 มี.ค.) ด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% จากระดับ 1.50-1.75% สู่ระดับ 1.00-1.25% เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” นับเป็นความเคลื่อนไหวเหนือคาดเนื่องจากเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินที่มีขึ้นก่อนการประชุมตามปกติของเฟดซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนอกรอบการประชุมของเฟดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 อันเป็นช่วงที่กำลังเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ทวีตทันทีหลังความเคลื่อนไหวของเฟด โดยระบุว่า เฟดหั่นดอกเบี้ยลงมาแล้ว แต่ยังจะต้องทำต่อไป สำคัญที่สุดคือจะต้องให้เท่าทันกับประเทศอื่นๆและคู่แข่งของสหรัฐฯด้วย เพราะสนามการแข่งขันยังมีความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกัน ยังไม่ยุติธรรมสำหรับสหรัฐฯ ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะต้องมีบทบาทเป็นผู้นำ ต้องผ่อนคลายทางเงินมากขึ้นและต้องลดดอกเบี้ยลงไปอีก!
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ (2 มี.ค.) ทรัมป์ออกมาตำหนินายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ว่า ทำอะไรชักช้าตามเคย ทำให้สหรัฐฯต้องตามหลังประเทศอื่นๆ “ดูอย่างเยอรมนีและประเทศอื่นๆ เวลานี้ต่างอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และมีปฏิบัติการเชิงรุกมากกว่า (เฟด) มากนัก ด้วยเหตุผลนานัปการ สหรัฐฯควรจะต้องมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดได้แล้ว ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่เสียเปรียบคู่แข่งขัน เราควรต้องเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตามแบบนี้” ทรัมป์โพสต์ข้อความดุเดือดในทวิตเตอร์
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังสร้างความเสี่ยงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น ท่ามกลางความเสี่ยงเหล่านี้ และเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของเฟดในการรักษาเสถียรภาพของราคา และการจ้างงานเต็มศักยภาพ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) จึงตัดสินใจปรับลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวว่า เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน หลังจากที่มองเห็นว่าโคโรนาไวรัสกำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ เขายังยอมรับว่า เฟดไม่ได้เตรียมใช้เครื่องมืออื่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ถึงแม้เฟดจะสร้างความประหลาดใจต่อตลาดการเงินด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 0.50% แล้ว แต่ก็ยังมีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีกครั้งหนึ่งในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้