หนี “เวสเตอร์ดัม “ ปะ “ผีน้อย”

“หนีเสือปะจระเข้” ความหมายตามพจนานุกรมคือ “หนีภัยอันตรายอย่างหนึ่งแล้วต้องพบภัยอันตรายอีกอย่างหนึ่ง”
 

คำนี้คงใช้ได้กับความหวาดผวาของคนไทย กับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Covid-19) ที่หลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ “ปฏิเสธ” การเทียบท่าของเรือสำราญ “เวสเตอร์ดัม” ด้วยความที่ไม่อาจรู้ว่าลูกเรือกับผู้โดยสารกว่า 2,200 คน บนเรือ มีใครป่วยไข้ มีโอกาสติดเชื้อไวรัสร้ายด้วยหรือไม่

เรือเวสเตอร์ดัม

ผ่านพ้นเรือเวสเตอร์ดัมไม่ทันไร ก็มีเรื่องให้ปวดหัวกับกรณี “ผีน้อย” หรือ คนไทยที่เดินทางไปเกาหลีใต้จะด้วยตั้งใจหรือตั้งใจก็ไม่ทราบ เพราะวีซ่าขาดแต่ก็ยังลักลอบพำนักอยู่ในประเทศของเขา แต่ด้วยสถานการณ์ระบาดหนักในเกาหลีใต้ ก็ทำให้คนไทยกลุ่มนี้ ที่ว่ากันว่ามีมากกว่า 5,000 คน  ยอมที่จะปรากฏตัวและเข้ารายงานตัวกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้ เพื่อขอกลับประเทศไทย

ภาพผีน้อยต่อแถวที่ ตม.เกาหลีใต้ ขอกลับไทย หนีโควิด-19 หลังระบาดหนักในเกาหลีใต้

จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยปฏิเสธไม่ได้ ที่จำต้องยื่นมือประสานช่วยเหลือคนไทยกลุ่มนี้ ซึ่งสถานะต่างจากคนส่วนใหญ่บนเรือเวสเตอร์ดัม ในสถานการณ์ที่ต้องไม่ทำให้พลเมืองของตัวเอง เป็นภาระในการควบคุมโรคของเกาหลีใต้

“ผู้ที่จะกลับมาจากเกาหลีใต้นั้น ในวันที่ 4 มี.ค.นี้ ผมจะประชุมในรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรและจะมีมาตรการอย่างไรหากจะต้องกักตัวทั้งหมด ปัญหาใหญ่คือจะควบคุมคนจำนวนมากได้อย่างไร เพราะไม่ใช่แค่ร้อยกว่าคน แต่มีจำนวนหลายพันอาจถึงหมื่นคน ฉะนั้น ต้องดูว่าจากต้นทางจะปล่อยออกมาเท่าไร อย่างไร เขามีมาตรการควบคุมอยู่แล้วส่วนหนึ่งด้วยการกักตัว 14 วัน”

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นี่คือคำตอบของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำประเทศ ต้องแอ่นอกรับผิดชอบคนไทยกลุ่มนี้ “ผมรู้ว่าประชาชนยังไม่ค่อยมั่นใจ และกลัว สังคมต้องเข้าใจด้วยว่าจะติดต่อกันได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นจะแก้ไม่ได้”

ด้าน “อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” ซึ่งเป็นคนแรกที่ปฏิเสธเสียงแข็งไม่อนุญาตให้เรือเวสเตอร์ดัมเทียบท่ามาแล้ว บอกถึงปัญหาผีน้อยรอบนี้ว่า “ส่วนตัวยอมรับว่ารู้สึกช็อก เพราะไม่ทราบว่ามีปัญหานี้มาก่อน โดยบอกว่ามาตรการที่นำมาใช้กับผีน้อย จะเข้มข้นกว่าการเคลื่อนย้ายบุคคลมาจากอู่ฮั่น เนื่องจากเป็นระบบปิดที่รัฐบาลนำเครื่องบินไปรับ แต่กรณีเป็นระบบเปิดที่ต่างคนสามารถเดินทางกลับมาโดยเครื่องบินพาณิชย์”

รมว.สาธารณสุข บอกอีกว่า ได้มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ประกอบด้วย ญี่ปุ่น เยอรมนีเกาหลีใต้ จีน รวมถึงมาเก๊าและฮ่องกง ไต้หวัน ฝรั่งเศส สิงคโปร์ อิตาลี และอิหร่าน จะทำให้เจ้าหน้าที่อำนาจในการปฏิบัติได้มากขึ้น รวมถึงจะสามารถดำเนินการได้ตามผลการประชุมที่จะออกในวันที่ 4 มี.ค. 

“นอกจากจะมีประโยชน์ในการป้องกันแล้ว ยังจะสามารถบังคับใช้กับกลุ่มผีน้อยและผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงให้มีการกักตัว 14 วัน แต่ยังไม่ใจว่าจะกักตัวที่บ้านหรือสถานที่ที่จัดให้ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการกักตัว ผู้ที่ถูกกักตัวจะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่โดยจะเป็นมติการประชุมในวันที่ 4 มี.ค.”

ขณะที่ “นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ” บอกว่า “แล้วแต่กระทรวงสาธารณสุข เรื่องนี้ให้ไปถามกระทรวงสาธารณสุข เขามีการประชุมกันแล้ว เห็นว่าจะมีการส่งกลับมาแต่ต้องถูกต้องตามกระบวนการ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศให้กรมการกงสุลดำเนินการประสานงานกับทางเกาหลีใต้ ทั้งนี้ คนไทยที่อยู่เกาหลีใต้ได้เปิดกลุ่มไลน์เพื่อไว้ติดต่อกัน ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวมีประมาณ 370 คน

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ

ด้านหน่วยงานปฏิบัติอย่าง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมการวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า กระทรวงสาธารณสุขกำลังประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายความมั่นคง เพื่อวางแผนร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องระดับรัฐบาลที่ต้องมีการบูรณาการความร่วมมือในการจัดการปัญหานี้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลป้องกันการระบาด ดำเนินการตามหน้าที่และพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อสั่งการต่อไป

ก็ต้องติดตาม ลุ้นและเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ในการเซ็ตระบบและวางกำลังคนในภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี หลังจากนี้ก็ต้องสังคายนาครั้งใหญ่ กับ ปัญหา “ผีน้อย”