ไวรัสโคโรนา–แฟลชม็อบ กดดันหุ้นต่อ

03 มี.ค. 2563 | 12:34 น.

บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยยังไม่ฟื้น เหตุไวรัสโคโรนา–แฟลชม็อบ ยังกดดันหุ้น คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,310-1,380 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า- Defensive- High Dividend

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางขาลง โดยประเด็นกดดันหลักยังอยู่ที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนปัจจัยในประเทศมีแรงกดดันจากการชุมนุม “แฟลชม็อบ” ของกลุ่มนิสิตนักศึกษาเพื่อแสดงออกถึงจุดยืนในระบอบประชาธิปไตย ขณะที่ภาคการผลิตและภาคบริการของจีนมีแนวโน้มหดตัวแรงจากการที่สำนักงานสถิติจีนรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.ร่วงแตะ 29.6 ส่วน PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ.ร่วงแตะ 35.7 ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว จึงคาดการณ์ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,310-1,380 จุด

นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามปัจจัยเหล่านี้ ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนในระยะสั้นได้ อาทิ การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2562 และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันที่ 5 มีนาคม รวมทั้งการประชุมโอเปกในวันที่ 5-6 มีนาคม ส่วนวันที่ 6 มี.ค. สหรัฐจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. ยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค. และวันที่ 7 มี.ค. จีน เปิดเผยยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค.-ก.พ. และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.พ. 
 

นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามาบ้างในขณะนี้ อาทิ เฟด เตรียมใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อหนุนเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 ระบาด หรือเงินบาทอ่อนค่าเข้าใกล้ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นผลดีต่อการส่งออก  และกระทรวงการคลังกำลังเร่งพิจารณาออกมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเร่งด่วนในการช่วยเหลือด้านการเงินและภาษี  เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ดัชนีดีดตัวแรง

ไวรัสโคโรนา–แฟลชม็อบ กดดันหุ้นต่อ

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เช่น TU และ CPF รวมทั้งหุ้น Defensive เช่น RATCH, TTW, ADVANC และ CHG นอกจากนี้ยังมีหุ้น High Dividend เช่น KKP, TISCO และ  INTUCH ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาเยอะในช่วงที่ผ่านมา
 

ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำคาดว่ามีโอกาสรีบาวด์ได้หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและ LIBOR ยังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 อีกทั้งเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวในไตรมาส 1/2563 นอกจากนี้หากพิจารณาสถานะการถือครองทองคำของกองทุน SPDR ยังคงถือสถานะที่ระดับ 934 ตัน ซึ่งใกล้กับระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี 4 เดือนเป็นสัญญาณของกองทุน passive และธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังคงถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มองกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,585-1,640 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 23,520-24,420 บาทต่อบาททองคำ