"ทริส"ชี้อันดับเครดิต BDMS อาจถูกกระทบจากการก่อหนี้เพื่อซื้อ BH

03 มี.ค. 2563 | 10:41 น.

"ทริส" ชี้อันดับเครดิต BDMS อาจถูกกระทบ จากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ BH โดยการจัดหาเงินกู้ใหม่ กดดันหนี้สินต่อ EBITDA อาจพุ่งเกินกว่า 2 เท่า

ทริสเรทติ้ง มองว่าการที่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH) โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขนั้น อาจส่งผลกระทบที่เป็นกลางถึงลบต่ออันดับเครดิตของ BDMS ได้  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นที่บริษัทซื้อได้ ในทางตรงกันข้าม ทริสเรทติ้งมองว่าธุรกรรมดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ BH ในทันที

ปัจจุบัน BDMS ถือหุ้นจำนวน 1.825 ล้านหุ้นใน BH หรือคิดเป็นสัดส่วน 24.99% ของหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วของ BH ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 คณะกรรมการบริษัทของ BDMS มีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัททำการเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขจากผู้ถือหุ้นรายอื่นของ BH ซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวนี้รวมถึงหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยราคาเสนอซื้ออยู่ที่ 125 บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8.56 หมื่นล้านบาท ในการนี้ ราคาอาจปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ของราคาเสนอขายโดยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาวะตลาดหลักทรัพย์และราคาหุ้นของ BH ณ ขณะนั้น

ทริสเรทติ้ง มองว่าการทำธุรกรรมในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อสถานะอันดับเครดิตของ BDMS ได้โดยขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นของ BH ที่ BDMS จะซื้อได้และขึ้นอยู่กับโครงสร้างเงินทุนในอนาคตของบริษัทด้วย BDMS ตั้งใจจะใช้เงินทุนจากการดำเนินงานและเงินกู้จากธนาคารก้อนใหม่ในการลงทุนครั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากการลงทุนที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ บริษัทอาจต้องจัดหาเงินกู้ใหม่จำนวนมากเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนหากบริษัทซื้อหุ้นได้ในจำนวนมาก  ณ เวลานี้ ทริสเรทติ้งยังไม่ได้พิจารณารวมไปถึงประโยชน์ที่ BDMS จะได้รับจากการผสานพลังทางธุรกิจกับ BH หรือการรวมรายได้และผลกำไรตลอดจนสินทรัพย์ของ BH เข้ามาในงบการเงินของ BDMS 

แต่ทริสเรทติ้งมีความเห็นในเบื้องต้นว่า การลงทุนโดยการใช้เงินกู้ยืมจำนวนมากอาจส่งผลให้ระดับหนี้สินทางการเงินของ BDMS เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 2 เท่าจนไม่สอดคล้องกับสถานะอันดับเครดิตในปัจจุบันของ BDMS ได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบอาจมีไม่มากนักหาก BDMS ซื้อหุ้นของ BH ได้ในสัดส่วนไม่มาก

ทั้งนี้ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ในครั้งนี้จะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ BDMS ในวันที่ 10 เมษายน 2563 ที่จะถึงนี้และยังจะต้องการผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อนอีกด้วย

ในทางตรงกันข้าม ทริสเรทติ้ง มองว่าธุรกรรมดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของ BH ในทันที ทั้งนี้ BH ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็นการเข้าซื้อหลักทรัพย์โดยไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ ผู้บริหารของ BH ก็ไม่เคยทราบเรื่องการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวมาก่อนด้วย โดย BH เน้นย้ำว่า ทั้ง 2 บริษัท คือ BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจที่แข่งขันกันในอุตสาหกรรมการแพทย์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) สำหรับในกรณีดังกล่าว BH จะเข้าร้องเรียนและให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการ กขค. เพื่อต่อต้านการเสนอซื้อหลักทรัพย์ในครั้งนี้

ทริสเรทติ้งมองว่าในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าการซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่เมื่อพิจารณาจากการปฏิเสธของผู้บริหารของ BH เกี่ยวกับการซื้อหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การทำธุรกรรมนี้จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กขค. เสียก่อนอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งจะติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะประเมินผลกระทบจากธุรกรรมดังกล่าวที่จะมีต่อสถานะเครดิตของบริษัททั้งสองต่อไป

ปัจจุบัน BDMS ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA” และ BH ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ  “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง