เปิดคำสั่ง “บิ๊กตู่” ยกระดับสกัดโคโรนาระยะเร่งด่วน

03 มี.ค. 2563 | 07:43 น.

เปิดคำสั่ง “นายกฯ” แก้ปัญหาการระบาดไวรัสโคโรนา ระยะเร่งด่วน เลี่ยงกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก ระงับการเดินทางไปประเทศเสี่ยง จี้สธ.-พาณิชย์แก้ปัญหาหน้ากากอนามัย น้ํายาฆ่าเชื้อ เจลล้างมือขาดตลาด

ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี มาตรการระยะเร่งด่วน สําหรับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ใน 2 ส่วนหลักๆ คือ มาตรการระยะเร่งด่วนด้านการป้องกันโรค/สุขภาพ และมตรการด้านการบรรเทาผลกระทบที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของมาตรการด้านการป้องกันโรค/สุขภาพ มี 14 ข้อ ประกอบด้วย

1.ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ ดําเนินการตามมาตรการของกระทรวง สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และหากมีความจําเป็นให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ดําเนินการ กําหนดมาตรการเป็นการภายในต่อไป

2.ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ ระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษาดูงาน อบรม หลักสูตร หรือประชุม ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และ ประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด โดยในส่วนของการดูงานหรืออบรมหลักสูตร ขอให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงงบประมาณเป็นการดูงาน หรือจัดอบรมหลักสูตรภายในประเทศแทน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เว้นแต่กรณีมีความจําเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องได้รับอนุญาต ให้เดินทางออก นอกราชอาณาจักรจากหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลัง พิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีผลกระทบต่อเอกชนคู่สัญญาน้อยที่สุด

3.ให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เดินทางกลับมาจาก หรือ เดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) และจําเป็นต้องสังเกตอาการ ปฏิบัติงานภายในที่พัก 14 วัน โดยไม่ถือ เป็นวันลา ทั้งนี้ให้ สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จัดทําหลักเกณฑ์สําหรับให้ข้าราชการ ปฏิบัติงานภายในที่พัก โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของประชาชนทั่วไปที่เดินทางกลับมาจาก หรือ เดินทางผ่าน หรือมีเส้นทาง แวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ดําเนินการคัดกรองประชาชนกลุ่มดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวง สาธารณสุข หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกําหนด ในกรณีที่มีความจําเป็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ ขนส่งประชาชนกลุ่มดังกล่าวกลับภูมิลําเนาหรือไปยังสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม รวมถึงการกํากับ ดูแล การกักกันตนเอง ณ ที่พักอาศัย โดยให้มีการบูรณาการการดําเนินงานระหว่างชุมชน จิตอาสา อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) และสถานพยาบาลในพื้นที่ ในการติดตาม เฝ้าระวัง ตรวจสอบ และป้องกันอย่างใกล้ชิด

4.จัดให้มีศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขึ้น ณ ทําเนียบรัฐบาล เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วนราชการ รับเรื่องร้องเรียนจาก ประชาชน และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับสาธารณชน โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหา จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในทุกมิติ รวมถึงจัดทําสื่อประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึง ทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการรับรู้ ตระหนัก และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวง สาธารณสุขกําหนด โดยเฉพาะขั้นตอนการเฝ้าระวังและการป้องกัน

5.มอบหมายให้ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพิจารณาปริมาณความต้องการของสินค้าที่จําเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ํายาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ และจัดหาให้เพียงพอกับความต้องการดังกล่าวในแต่ละช่วงเวลา โดยควรจัดลําดับความสําคัญในการกระจาย สินค้าที่จําเป็นดังกล่าวตามระดับความเสี่ยงของบุคคล หน่วยงาน และสถานที่ เช่น สถานพยาบาล ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มที่มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และประชาชนทั่วไป

6.มอบหมายให้ กระทรวงพาณิชย์ ดําเนินการป้องกันการกักตุน และควบคุมราคาสินค้าที่ จําเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เช่น หน้ากาก อนามัย และน้ํายาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ อย่างเคร่งครัด โดยครอบคลุมถึงช่องทางการขายสินค้า ออนไลน์

7.มอบหมายให้ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดําเนิน มาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้า สถานีขนส่งผู้โดยสาร และท่ารถ อย่างเคร่งครัด

8.ให้ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน ติดตามและดูแลคนไทยที่พํานัก อยู่ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และ ประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด อย่างใกล้ชิด

9.มอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม จัดเตรียมสถานที่/พื้นที่สําหรับ สังเกตอาการในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด หรือพาหะนําโรคตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกําหนด

10.ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จําเป็นเพิ่มเติม ให้ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานสํานักงบประมาณ เพื่อขอรับจัดสรร งบประมาณเพิ่มเติม เพื่อให้มีเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ สําหรับดําเนินการอย่างเพียงพอ

11.ให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการอํานวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหา โรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ อย่างสม่ําเสมอ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์และ ข้อมูลต่างๆ รวมถึงร่วมพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา

12.ให้ กระทรวงสาธารณสุข ดูแลบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้อง ในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสม และจัดให้มีสวัสดิการพิเศษเพื่อสร้างขวัญและกําลังใจให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง และครอบครัว

13.ให้ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข บูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อรองรับ การดําเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ หากมีความจําเป็น

14.ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนให้ หลีกเลี่ยง หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจํานวนมาก และอาจมีความเสี่ยงต่อ การแพร่ระบาดของโรคโดยไม่จําเป็น เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดคอนเสิร์ต และการจัดมหรสพ เว้นแต่เป็นกิจกรรมที่เป็นการดําเนินการของสถานประกอบการค้าตามปกติ ให้ดําเนินการตาม มาตรการเฝ้าระวังและป้องกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนดอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่เป็น กิจกรรมที่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตพิจารณาความเหมาะสมของ กิจกรรมอย่างรอบคอบ โดยคํานึงถึงความเสี่ยงต่อสาธารณชนโดยรวมต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็น สําคัญ

ส่วนข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี มาตรการระยะเร่งด่วน สําหรับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้านการบรรเทาผลกระทบที่เกี่ยวข้อง นายกฯมอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จัดทํามาตรการบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาโดยเร็ว ก่อนนําเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

รวมทั้งให้ข้อมูลและสื่อสารกับสาธารณชน เพื่อให้เกิด เอกภาพและสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชน ผ่านศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่จะได้มีการจัดตั้งขึ้น ณ ทําเนียบรัฐบาล ในการดําเนินมาตรการ บรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยครอบคลุมด้านต่างๆ ดังนี้ มาตรการทางภาษี มาตรการด้านสินเชื่อและพักชําระหนี้ มาตรการด้านงบประมาณ มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน มาตรการการจ้างงานและพัฒนา ทักษะ และมาตรการด้านสินค้าเกษตรและสินค้าอื่นในชุมชน

เปิดคำสั่ง “บิ๊กตู่” ยกระดับสกัดโคโรนาระยะเร่งด่วน

เปิดคำสั่ง “บิ๊กตู่” ยกระดับสกัดโคโรนาระยะเร่งด่วน