ศึกชิง“โลตัส”เดือด“เจริญ”กู้3แสนล้าน สู้"ซีพี-เซ็นทรัล"

02 มี.ค. 2563 | 17:00 น.

​​​​​​​“เจ้าสัวเจริญ” เตรียมเงินกู้ 3.14 แสนล้านบาท ซื้อ “เทสโก้” ในไทยและมาเลเซีย แข่งกลุ่มซีพี-เซ็นทรัล

 

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า กลุ่มทีซีซี กรุ๊ปของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เตรียมใช้สินเชื่อระยะสั้น 2 ปีที่กู้มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.14 แสนล้านบาท เข้าซื้อกิจการทั้งในไทยและมาเลเซียของ "เทสโก้" ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสัญชาติอังกฤษ

ทั้งนี้ หากนายเจริญชนะการประมูลและได้รับเงินกู้ จะเป็นการกู้เงินมากที่สุดอันดับต้น ๆ ในไทย หรือมากกว่าเมื่อครั้งที่ “ซีพี” ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ กู้เงิน 6,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.88 แสนล้านบาท) ในการทุ่มซื้อกิจการของ “แม็คโคร” ในปี 2556 ด้วยมูลค่า 6,600 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทยนั้นมี 3 กลุ่มบริษัทใหญ่ จาก 3 ตระกูลที่สนใจ คือ กลุ่ม ซีพี ของตระกูลเจียรวนนท์  , เซ็นทรัล กรุ๊ป ของตระกูลจิราธิวัฒน์  และทีซีซี กรุ๊ป ของตระกูลสิริวัฒนภักดี

ศึกชิง“โลตัส”เดือด“เจริญ”กู้3แสนล้าน สู้"ซีพี-เซ็นทรัล"

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา นายเจริญ สิริวัฒนภักดี และคุณหญิง วรรณา สิริวัฒนภักดี ผู้ถือหุ้นที่มีสัดส่วนการถือหุ้นมากที่สุด (บริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด) บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)(BJC) ได้ขายหุ้น BJC จำนวน 30,000,000 หุ้น ที่ราคา 39.50 บาท เป็นเงิน 1,185 ล้านบาท

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านค้าปลีก วิเคราะห์ถึงศักยภาพของทั้ง 3 กลุ่มกับฐานเศรษฐกิจว่า กลุ่มเจ้าสัวเจริญ ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุดในการเข้าซื้อกิจการของเทสโก้ โลตัสในครั้งนี้ เพราะมีศักยภาพทั้งด้านการเงิน บุคลากร (มืออาชีพในการบริหาร) รวมถึงข้อกฎหมาย ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการควบรวมกิจการ ที่ก่อให้เกิดการผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาดตามพ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า เพราะปัจจุบันบิ๊กซี มีรายได้ราว 1.8 แสนล้านบาท หากรวมกับเทสโก้ โลตัส ซึ่งมีรายได้ 1.9 แสนล้านบาท จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3.7 แสนล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่ตํ่าอยู่ไม่ถึงเกณฑ์การมีอำนาจเหนือตลาดที่กฎหมายกำหนด

ศึกชิง“โลตัส”เดือด“เจริญ”กู้3แสนล้าน สู้"ซีพี-เซ็นทรัล"

นายอัศวิน เตชะ-เจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ระบุถึงเหตุผลถึงการการที่เข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัสในไทยและมาเลเซียไว้ก่อนหน้านี้ว่า เพื่อต่อยอดธุรกิจของบีเจซี บิ๊กซีที่มีอยู่ เพราะทั้งบิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ต่างมีจำนวนลูกค้า ประเภทลูกค้า และทำเลที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ดีตัวแปรสำคัญที่จะต้องใช้พิจารณาขึ้นอยู่กับ 1.ราคา (และการประเมินผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคต) 2.สภาพการแข่งขัน และ 3.กฎหมาย

 

การที่บิ๊กซีเข้าซื้อกิจการของเทสโก้ โลตัส ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ มี 3 ทางเลือกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ การควบรวมธุรกิจ และเปลี่ยนชื่อให้เหลือเพียง 1 เดียวคือ “บิ๊กซี” เฉกเช่นเดียวกับที่บิ๊กซีเคยทำกับคาร์ฟูร์ และเดินหน้าในธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตต่อไป

ทางเลือกที่ 2 คือ การปรับฟอร์แมตธุรกิจเทสโก้ โลตัส เป็นห้างค้าส่ง เพื่อเจาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งบีเจซี ในเมืองไทยยังไม่มีฟอร์แมตนี้ ส่วนทางเลือกสุดท้ายซึ่งนักวิเคราะห์ยืนยันว่า มีโอกาสน้อยมากเพราะมีผลต่อแบรนด์ของ “บิ๊กซี” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงอยู่แล้ว คือการผนึกรวม “บิ๊กซี-โลตัส” ในการเดินหน้าธุรกิจในฟอร์แมตเดิม เพราะจะเสียทั้งแบรนด์และเงินลงทุนในการสร้างแบรนด์ใหม่ และยังทำให้เกิดความสับสนต่อลูกค้าด้วย