“หมอหนู”โบ้ยสื่อบิดเบือนชงพรบ.มั่นคงฯสกัดม็อบ

01 มี.ค. 2563 | 04:39 น.

“อนุทิน”โบ้ยสื่อบิดเบือน ยัน ไม่ได้เสนอชง พรบ.ความมั่นคงฯสกัดม็อบ

1 มีนาคม 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “อนุทิน ชาญวีรกุล” ปรากฏใจความดังนี้  

อย่านำ “การเมือง”มาซ้ำเติมสถานการณ์โรคระบาด 
...........
ขอเรียนชี้แจงทุกสำนักข่าวที่เสนอข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุข จะเสนอนายกรัฐมนตรี ให้ใช้พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อห้ามชุมนุมทางการเมือง ทราบว่าข่าวที่ท่านนำเสนอนั้น เป็นความเท็จ

ขอย้ำว่าเป็นความเท็จ

ไม่เคยคิดถึงพ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาก่อน

ผมไม่เคยคิดสกัดกั้น หรือห้ามการชุมนุมทางการเมือง เพื่อแสดงออกถึงสิทธิ เสรีภาพ ทางความคิด และ การพูด ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนกลุ่มใดๆ ก็ตาม หากการชุมนุมนั้นไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ขัดต่อกฎหมาย

การแถลงข่าวในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวานนี้ มีขึ้นภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และคณะแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการระบาด การควบคุมโรค และ การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคระบาด

สาระสำคัญของการประชุม คือ การหาแนวทางการควบคุมการระบาดของ covid-19 ซึ่งถูกประกาศ เป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะต้องมีการจัดทำประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชน ว่ากิจกรรมใดควรทำ กิจกรรมไม่ควรทำ เพื่อการควบคุมการระบาดของโรคติดต่ออันตราย

เช่น ไม่ควรเดินทางไปยังพื้นที่เขตติดโรค แต่หากต้องไป หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ต้องถูกกักบริเวณ 14 วัน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรค แม้จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เราต้องประกาศ และต้องควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนส่วนใหญ่

เช่น ไม่ควรจัดกิจกรรมทุกประเภท ที่จะก่อให้เกิดการมารวมตัวกัน หรือ การชุมนุมของประชาชนจำนวนมาก หลายพันคน และมีโอกาสที่จะมีการสัมผัส หรือการติดต่อทางลมหายใจ และ ละอองน้ำลาย น้ำมูก จากการพูด ไอ จาม ใส่กันในระยะใกล้

หากหลีกเลี่ยง ไม่ได้ ผู้จัดต้องจัดเตรียมแนวทาง และให้บริการอุปกรณ์แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตราย

กรณีที่มีการติดต่อของโรคเกิดขึ้น ผู้จัดกิจกรรม และเจ้าของสถานที่ ต้องรับผิดตามกฎหมาย ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถออกคำสั่งระงับการจัดกิจกรรมได้ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ

การประกาศให้ covid-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย กระทบต่อการใช้สิทธิ เสรีภาพของประชาชน มากพอสมควร แต่เป้าหมายคือ ต้องการควบคุมการระบาดของโรคติดต่อ และป้องกันชีวิต และสุขภาพของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ การควบคุม หรือ จำกัดสิทธิ เสรีภาพทางการเมืองของประชาชน
ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศโรคติดต่ออันตราย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ทำงานควบคุมโรคติดต่อ มาหลายสิบปี เคยให้คำแนะนำว่า ไม่ควรจัดการชุมนุมทางการเมือง เพราะเป็นโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการระบาดของ covid-19 ได้
“หมอหนู”โบ้ยสื่อบิดเบือนชงพรบ.มั่นคงฯสกัดม็อบ

ท่านถูกตำหนิและถูกวิจารณ์จากผู้ต้องการให้มีการชุมนุมอย่างรุนแรงว่า มีเป้าหมายอื่นซ่อนเร้น และไม่ควรนำการระบาดของ covid-19 มาเป็นเงื่อนไขทำให้ประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมการชุมนุมหวาดกลัว

การประชุมเมื่อวานนี้ มีการนำประเด็นการชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมือง มาพิจารณาในที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุขกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะมีการประกาศเป็นโรคติดต่ออันตราย แล้ว หากไม่ปฏิบัติ นายแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในฐานะเจ้าพนักงาน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ จะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ทันที

                                                                                                                    

ผม ในฐานะนักการเมือง ไม่มีเจตนาจะแถลงเรื่องการชุมนุมทางการเมือง เพราะทราบดีว่าจะถูกแปรเจตนาเป็นอื่น และถูกกล่าวหาหวังผลทางการเมือง

 

แต่สอบถามนายแพทย์ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขหลายท่าน ที่เข้าประชุมแล้ว เข้าใจดีว่า ทุกท่านไม่อยากพาดพิงเรื่องการชุมนุมทางการเมือง แต่มีความกังวลมากว่า การควบคุมการระบาดของ covid-19 ที่ประเทศไทยทำมาได้ดี อาจจะมีจุดเสี่ยงและถึงจุดเปลี่ยนได้

 

อาจารย์แพทย์ทุกท่านมีความเป็นห่วงว่า หากมีการติดเชื้อในที่ชุมนุม ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมหลายพันคน และอาจจะนำสู่ผู้สัมผัสเป็นหมื่นคน ภายในเวลาอันรวดเร็ว

 

หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้น กระทรวงสาธารณสุข ไม่มีความสามารถที่จะควบคุมโรคได้ และจะทำให้ประเทศไทย เข้าสู่สถานการณ์ระบาด เช่นเดียวกับบางประเทศ ที่มี super spreader และควบคุมโรคไม่ได้

ผมจึงต้องแถลงด้วยตัวเอง แต่ย้ำหลายครั้งว่า ไม่ห้ามการชุมนุม เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้เจ้าของสถานที่ และผู้จัดการชุมนุม จัดการชุมนุมอย่างมีความรับผิดชอบ และแจ้งความห่วงใย ความกังวลใจของอาจารย์แพทย์ ให้ทราบ ว่ามีความห่วงใยต่อสถานการณ์การระบาดของโรค อย่างไร

 

ไม่มีเรื่องพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เพราะไม่ใช่ภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข

 

แต่มีนักข่าวถาม ผมตอบว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ดูแลเรื่องความมั่นคง ต้องไปถามฝ่ายความมั่นคง

ในที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข เราพูดคุยถึงพ.ร.บ.โรคติดต่อ ฉบับเดียว เพื่อการควบคุมโรค เท่านั้น

ดังนั้น ท่านที่นำเสนอข่าวว่า ผม หรือกระทรวงสาธารณสุข เสนอให้ใช้พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ สกัดกั้นการชุมนุม โดยอ้างเหตุการควบคุมโรคติดต่ออันตราย จึงเป็นการเสนอข่าวเท็จ ทั้งสิ้น

 

ท่าน ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพการชุมนุมของประชาชน

 

ผมกับกระทรวงสาธารณสุข ต่อสู้กับเชื้อโรค เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

 

ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่เคยมีความคิดจะสกัดกั้น หรือห้ามการชุมนุมทางการเมือง เพียงแต่ขอให้ผู้จัดการชุมนุม ดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคติดต่ออันตราย ได้ทราบถึงข้อห่วงใย และความกังวลใจของคณะแพทย์ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ที่มีต่อการจัดการชุมนุม เท่านั้น

 

ขอความกรุณานำเสนอและส่งต่อข้อมูลนี้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วย

 

ขอบคุณครับ

 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้สื่อหลายสำนักรายงายตรงกันว่า นายอนุทินได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า เราได้แสดงความกังวลไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และตนได้เรียนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงว่า หากจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร ตามกฎหมายที่แต่ละฝ่ายมีอำนาจอยู่ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขทำได้เพียงแค่แจ้งเตือน และขอความร่วมมือ ถ้าห้ามได้ ตนก็ห้ามแล้ว แต่ทั้งนี้อย่าให้ถึงขนาดต้องบังคับเพราะหากไม่ยอมก็จะเป็นเรื่องขึ้นมา

 

“อาจจะต้องไปใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในการควบคุมไม่ให้เกิดการชุมนุม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้หากห้ามแล้วแต่ไม่ฟังผู้จัดงานหรือหากจัดการชุมนุมก็ต้องรับผิดชอบ หากเป็นสาเหตุทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค” รมว.สาธารณสุข ระบุ