เชื่อมั่นสาธารณสุขไทย “รับมือ” มฤตยูไวรัสโคโรนา

01 มี.ค. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐิจ ฉบับ 3553 ระหว่างวันที่ 1-4 มี.ค.63 โดย... ว.เชิงดอย

 

               .... ทำเอาเครียดกันไปหมดครึ่งค่อนโลก รวมถึง “ไทย” ด้วย เมื่อ “มฤตยูไวรัสโคโรนา 2019” หรือชื่อทางการว่า COVID-19 จากประเทศจีน แผลงฤทธิ์ลุกลามไปหลายประเทศ ยอดผู้ติดเชื้อปาเข้าไปกว่า 82,000 ราย รักษาหาย 32,000 ราย เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2,800 ราย

               .... สำหรับประเทศไทยนั้น ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้เพิ่มอีก 3 ราย จากสถาบันบำราศนราดูร 2 ราย เป็นชายจีน อายุ 63 ปี และชายไทย อายุ 49 ปี จากโรงพยาบาลราชวิถี เป็นหญิงจีน อายุ 33 ปีมีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 27 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 13 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 40 ราย ในประเทศไทยยังไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว

               .... ส่วนการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งที่เป็นผู้ร่วมกรุ๊ปทัวร์ คนในครอบครัวเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ นักเรียนร่วมชั้นเรียนหลาน และผู้ร่วมไฟลต์บิน ทางแพทย์มีการติดตามครบแล้วรวม 101 คน ผลการตรวจจากห้องแล็บให้ผลเป็นลบ คือไม่ติดเชื้อ 97 คน ส่วนอีก 4 คนเก็บตัวอย่างส่งตรวจ และแม้ผลการตรวจยืนยันเชื้อรอบแรกจะเป็นลบ แต่ก็จะมีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดจนครบ 14 วันต่อไป

               .... ขณะที่พบว่ามีโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง พานักเรียนไปทัศนศึกษาในประเทศกลุ่มเสี่ยง จำนวน 505 คน ในจำนวนนี้มีครูรวมอยู่ด้วย 60 คน และได้เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ก็ได้สั่งให้กลุ่มที่เดินทางไปทัศนศึกษาเก็บตัวอยู่ภายในบ้านพัก และให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัดแล้ว

               .... ขณะนี้มีคำแนะนำจากสาธารณสุขไทยว่า ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงไวรัสโคโรนา 9 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อิตาลี และ อิหร่าน ...พอจะเบาใจได้สำหรับการรับมือกับ “ไวรัสโคโรนา” ของสาธารณสุขไทย เพราะไทยมีการเตรียมการที่ดี

               .... ถึงขนาดที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังได้แถลงข่าวเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา โดยเปิดเผยรายงานจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ที่จัดอันดับ 195 ประเทศทั่วโลกที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพ พบว่าประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 6 จากทั้งหมด 195 ประเทศทั่วโลก และเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับท็อปเทนของโลก ติดอันดับที่ 1 ในเอเชียสำหรับประเทศที่มีความพร้อมในการเตรียมตัวรับมือโรคระบาดดีที่สุดในโลกและมีระบบการป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุดอย่างรอบคอบ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของไทยในการรับมือโรคระบาด ทำให้ไทยในขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การแพร่ระบาดระดับ 3 และคนไทยติดเชื้อน้อยมากกว่าประเทศอื่นๆในโลก…แต่ไม่ว่า “ไทย” จะได้รับคำชมอย่างไรก็ตาม ก็อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด ใครก็ตามที่กลับจากประเทศ “เสี่ยง” ต้องมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมป้องกันการแพร่ระบาด ด้วยการให้ข้อมูลที่เป็นจริง ตรงไปตรงมา

               .... เปลี่ยนโหมดไปที่... “พี่ชายที่แสนดี?” ได้ข่าวว่าพี่ใหญ่ “ตระกูลดัง” บินด่วนไปยุโรป พร้อมกุนซือแนบกายผู้ปั่นความแตกแยกในครอบครัว เพราะหวังถูกหวยแบบไม่ต้องซื้อ น่าสงสัยตรงที่เลือกจะต่อเครื่องบินส่วนตัว ไม่รู้ว่าเพราะความสะดวก หรือกลัวคนจับได้ว่า เป้าหมายหลักคือการนัดพบผู้ต้องหาคดีร้ายแรงที่กบดานอยู่ละแวกนั้น แว่วว่าไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง แถมทุกที่ที่เจอก็มักจะมีความเคลื่อนไหวเพื่อจัดการ “น้องชายในไส้” ของตัวเองเสมอๆ เอาเป็นว่าคราวนี้ จะมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา คงได้เห็นกันอีกเร็วๆ นี้

               .... ปิดท้ายกันที่ปฏิทินข่าว... วันที่ 2 มีนาคม 2563 จิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสวรรค์ และ พงษ์ วิเศษไพฑูรย์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมเป็นประธานเปิดงาน “คาราวานซีพีเอฟ ลดค่าครองชีพแก่ประชาชน” เชิญชวนชาวนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมซื้อหาผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ ปลอดภัย ส่งตรงจากโรงงานกว่า 200 รายการ รวมถึงของดีประจำจังหวัดและสินค้า OTOP พร้อมชมฟรีกิจกรรมบันเทิงอีกมากมายตลอดงาน ส่งมอบความสุขและช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพพี่น้องประชาชน ตั้งแต่วันที่ 2-7 มีนาคมนี้ ณ ลานหน้าเทศบาลนครสวรรค์