เกาหลีใต้ทรุดหนัก วอนประชาชนงดออกจากบ้าน

สธ.เกาหลีใต้ยอมรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” อยู่ในขั้นวิกฤติแล้ว หลังผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งวันเดียวกว่า 800 ราย โดยตัวเลขยืนยันในวันนี้ (29 ก.พ.) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 813 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศทะยานขึ้นเป็น 3,150 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 17 ราย

นายคิม กัง-ลิป รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้แถลงข่าววันนี้ว่า รัฐบาลขอเรียกร้องให้ประชาชนงดการเข้าร่วมงานอีเวนต์สาธารณะ รวมถึงการร่วมพิธีกรรมทางศาสนาหรือการประท้วงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทางที่ดีคือขอให้ประชาชนเก็บตัวอยู่แต่ภายในบ้าน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว

เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา

“ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาด รัฐบาลขอเรียกร้องให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน ระงับการเดินทางออกนอกบ้าน และลดการติดต่อกับบุคคลอื่นๆ” รมช.สธ.เกาหลีใต้ระบุ

71 ประเทศห้ามเข้าหรือถูกกักเป็นพิเศษ

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ขั้นวิกฤติครั้งนี้ ทำให้ 71 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็นอัตราส่วนราว 1 ใน 3 ของประเทศทั่วโลก สั่งห้ามผู้ที่เดินทางจากเกาหลีใต้เข้าประเทศ หรือดำเนินมาตรการกักกันชาวเกาหลีใต้เป็นพิเศษ  

ในปีที่ผ่านมา (2562) เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ขยายตัวที่อัตราเพียง 2% ซึ่งนับเป็นอัตราขยายตัวที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเงินโลก ดังนั้น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยว การค้าปลีก และความรู้สึกหวั่นวิตกของประชาชนในภาพรวม จึงยิ่งเป็นปัจจัยลบที่กระหน่ำซ้ำเติมทำให้ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (บีโอเค) ออกมายอมรับว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกมีความเสี่ยงที่จะหดตัว นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขประมาณการจากนักวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ตลอดทั้งปี 2563 นี้อาจขยายตัวที่อัตราเพียง 1.8% เท่านั้น

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายดังกล่าว กระทรวงการคลังเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ได้เตรียมงบพิเศษเอาไว้แม้ว่ายังไม่มีการระบุตัวเลขที่ชัดเจน แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่าน่าจะเป็นงบพิเศษมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วน 2% ของงบประมาณประจำปี 2563 นี้