วาง4มาตรการรับมือสหรัฐตัดสิทธิGSP

25 ก.พ. 2563 | 10:34 น.

พาณิชย์ เร่งวางมาตรการรับมือสหรัฐฯ ระงับ GSP 4 แนวทาง ทั้งเร่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินค้าไทย ผลักดันใช้ประโยชน์จากการค้าออนไลน์เป็นช่องทางลัดในการขยาดตลาดสู่ต่างประเทศ จัดอบรมให้ความรู้ ส่งเสริมการสร้างแบรนด์

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเสวนาในหัวข้อ “ตัดสิทธิ GSP : SMEs รับมืออย่างไร ว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2562 มีมูลค่า 482,884 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกานั้น สหรัฐอเมริกานับเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย เป็นคู่ค้าลําดับที่ 3 ด้วยมูลค่าการค้ารวม 48,649 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น10%ของการส่งออกไทย โดยหลังจากที่สหรัฐฯประกาศตัดสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี (GSP) กับไทยและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 เมษายน 2563 จำนวน 573 รายการ (จากสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP ประมาณ 3,500 รายการ)

สำหรับสินค้าสำคัญที่ถูกระงับสิทธิ GSP  เช่น  มอเตอร์ไซค์ แว่นสายตา เครื่องจักรกลและ อุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่า เมื่อมาตรการมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 เมษายน 2563 มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ จะมีมูลค่าลดลง ประมาณ 28-32 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 0.01% ของมูลค่าการส่งออกรวม คาดการณ์ว่าการที่ไทยถูกตัดสิทธิ์ GSP ดังกล่าว ทำให้ต้นทุนส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ทสหรัฐฯ เนื่องจากถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นเฉลี่ย 4.5%

วาง4มาตรการรับมือสหรัฐตัดสิทธิGSP

ดังนั้นการจัดงานครั้งนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ GSP และข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการตัดสิทธิ GSP รวทถึงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวและการปรับตัวให้ศักยภาพการแข่งขันยังคงอยู่ และ ให้มองวิกฤติเป็นโอกาส ทั้งในมุมมองของหนึ่งการแสวงหาการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทดแทนตลาดเดิม เช่น ตลาดตะวันออกกลาง และตลาดลาตินอเมริกา

ด้านนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่พัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจสินค้าส่งออกได้มีการหารือเพื่อจัดตั้งคณะทำงานภายในร่วมกับหน่วยงานภายนอก ในการร่วมมือหาแนวป้องกันในกรณีดังกล่าว เพื่อที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกไทยให้สามารถรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไปของกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้มีประกาศเตรียมยกเลิกสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี ภายใต้ระบบ GSP กับไทยให้เข้าใจอย่างละเอียด ดังนั้น กรมฯ จึงได้วางมาตรการรับมือ 4 รูปแบบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้ 

1. เร่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินค้าไทย รวมถึงสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสิทธิจีเอสพี ในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยมีตลาดเป้าหมายในปีนี้ ได้แก่ ตลาดจีน / อินเดีย / กลุ่มประเทศ CLMV / กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง / กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ซึ่งยังถือได้ว่ายังคงมีศักยภาพที่พร้อมต้อนรับสินค้าไทยในตลาดทางเลือกใหม่ๆ 

2.การ ผลักดันผู้ประกอบการไทย ให้สามารถใช้ประโยชน์จากการค้าออนไลน์เป็นช่องทางลัดในการขยาดตลาดสู่ต่างประเทศ ผ่าน Thaitrade.com รวมถึงเร่งเปิด Top Thai Flagship Store ร้านขายสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์สชั้นนำของต่างประเทศ (จีน อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย) ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันความนิยมของสินค้าไทยในตลาดซื้อขายออนไลน์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนสินค้าคุณภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สัญชาติไทยให้สามารถเจาะตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วขึ้น

วาง4มาตรการรับมือสหรัฐตัดสิทธิGSP

3.ให้ความรู้กับผู้ประกอบการผ่านการเสวนา/อบรม ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาและผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงแนะนำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบและต้องการหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดสหรัฐฯรวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับทราบถึงมาตรการภาครัฐ รวมถึงมาตรการด้านสินเชื่อต่างๆ จากธนาคารภาครัฐ

และ4.การ พัฒนาและเพิ่มมูลค้าสินค้า ด้วยแบรนด์ นวัตกรรม และการตลาดอย่างต่อเนื่อง เน้นการตอบสนองต่อความต้องการของพฤติกรรมของผู้ซื้อในแต่ละประเทศ ตอบสนองต่อกระแสตลาดโลก เช่น สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าที่ตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเฉพาะ(Niche Market)

สอดคล้องกับนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) เปิดเผยว่าในฐานะที่สถาบันฯได้รับมอบหมายให้เป็นส่วนช่วยให้ความรู้ถึงสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ว่า เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ภาครัฐได้มีการช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ หรือธุรกิจที่ได้รับและคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ได้มีโอกาสรับฟังถึงปัญหาสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมวิเคราะห์และหาแนวทางแก้ไขและรับมือร่วมกันอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับภาคธุรกิจและภาคเศรษฐกิจของประเทศ

วาง4มาตรการรับมือสหรัฐตัดสิทธิGSP

 “NEA มีความต้องการให้ผู้ประกอบการไทยติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างไทย – สหรัฐ และสถานการณ์การค้าโลกเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ทันกับบริบทต่าง ๆ พร้อมนำมาปรับใช้ในทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยยังต้องศึกษากิจกรรมและโครงการส่งเสริมการขายจากหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน ซึ่งจะมีเทคนิคและองค์ความรู้ต่าง  ๆ ที่ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถนำมาประยุกต์ใช้ทั้งในเรื่องของการวางกลยุทธ์ แผนการตลาด แผนการจัดการความเสี่ยง ฯลฯ ได้อย่างเต็มที่ “

วาง4มาตรการรับมือสหรัฐตัดสิทธิGSP