“โกลเบล็ก”แนะโยกเงินสะสมทองคำ มีลุ้น 1,640 - 1,690 ดอลลาร์ต่อออนซ์

25 ก.พ. 2563 | 08:28 น.

บล. โกลเบล็ก แนะลงทุนทองคำ จากสถานการณ์ ไวรัส Covid-19 ระบาดรอบ 2 ให้กรอบราคาทองคำ  1,640 - 1,690 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินสถานการณ์ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในกรอบ 1,640-1,690 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หลังจากราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากนักลงทุนได้หันมาลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้น เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเศรษฐกิจโลกอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ( Covid-19 )และคาดว่าหากการแพร่ระบาดของ Covid – 19 ลุกลามต่อไปอีกจะส่งผลให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ที่ระดับ 1.46% เป็นสัญญาณของการลดความเสี่ยงของนักลงทุนเพิ่มเติม

การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในขณะนี้เกิดจากความกังวลต่อสถานการณ์ไวรัส Covid-19 ที่ได้แพร่ระบาดรอบ 2 ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว ซึ่งถือเป็นจังหวะทำกำไรทองคำในระยะสั้นได้

ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทย ทาง ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า  ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อ จากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวในไตรมาส 1/2563 หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบ2 ล่าสุดทาง IMF ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนในปี 2563 ลงสู่ระดับ 5.6% โดยลดลง 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค. เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกันสถานการณ์การเมืองในประเทศยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่จะลงมติในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ซึ่งจะกดดันด้านจิตวิทยาด้านการลงทุนในสัปดาห์นี้ต่อเนื่อง จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,410 - 1,450 จุด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่ของภาพรวมในประเทศนั้น น่าจะส่งผลเชิงบวกระยะสั้น อาทิ การคาดเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ได้ราวเดือนมี.ค. หลังการประกาศราชกิจจานุเบกษา ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในขณะนี้เมื่อเทียบกับต้นปีมองว่าส่งผลเชิงบวกต่อการส่งออก ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออก ม.ค. 63 ขยายตัว 3.35% กลับมาบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัว ซึ่งหากไม่รวมทองคำและน้ำมัน การส่งออกหดตัว 0.6% 

ดังนั้นแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนในทองคำที่ 30% ลงทุนในหุ้น 20% และถือครองเงินสด 50% สำหรับหุ้นที่แนะนำนั้นยังคงเน้นหุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ TU และ CPF หุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ได้แก่ RATCH, TTW, ADVANC และ CHG รวมทั้งหุ้นปันผลสูง ได้แก่ KKP, TISCO และ INTUCH