ธ.ก.ส.ยันไม่เกี่ยวกับกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อสวัสดิการเกษตรกร

นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวการเปิดโครงการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตและสวัสดิการเกษตรกรจ่ายผ่านธ.ก.ส. เสียชีวิตได้ 1 ล้านบาท และมีผู้สอบถามเข้ามาจำนวนมากนั้น ธ.ก.ส.ขอชี้แจงว่า ธ.ก.ส.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหรือกิจกรรมของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตและสวัสดิการเกษตรกร ที่ระบุการเรียกเก็บเงินแรกเข้าจากสมาชิกครั้งแรกครั้งเดียวแต่เป็นสมาชิกตลอดชีวิต  และจะมีการจ่ายเงินฌาปนกิจสงเคราะห์หลังสมาชิกเสียชีวิต 1 ล้านบาทแต่อย่างใด

นายสมเกียรติกล่าวว่า ธ.ก.ส. เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินครบวงจรทั้งฝากเงิน  ถอนเงิน  โอนเงิน และอื่นๆการที่โครงการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตและสวัสดิการเกษตรกรโดยสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย(สกท.) มาติดต่อขอเปิดบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส.นั้นเป็นการให้บริการตามกฎหมายเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้  แต่การเปิดบัญชีดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการเชื่อมระบบชอพต์แวร์กับ ธ.ก.ส. ตามที่กล่าวอ้างใดๆทั้งสิ้น

ขณะเดียวกันในส่วนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ลูกค้าธ.ก.ส. ถือเป็นกิจการของเกษตรกรลูกค้าธ.ก.ส. เพื่อให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุ่มสมาชิกเมื่อเสียชีวิต  ธ.ก.ส.เป็นเพียงที่ปรึกษาของสมาคมฯ ซึ่งลูกค้าธ.ก.ส.และคู่สมรสสามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกได้  โดยสมาชิกแต่ละคนจะสละเงินเพื่อส่งชำระค่าสงเคราะห์ศพล่วงหน้าในแต่ละปี ซึ่งจำนวนเงินจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกที่เสียชีวิตในแต่ละปีและอัตราที่เรียกเก็บรายคน  

โดยสมาคมฯจะทำหน้าที่รวบรวมเงินมอบให้กับทายาทของสมาชิกที่เสียชีวิต เพื่อนำไปช่วยเหลือในการจัดงานฌาปนกิจ และเป็นทุนในการประกอบอาชีพหรือเพื่อการศึกษาของทายาทสมาชิกขึ้นกับวัตถุประสงค์แรกเข้าของสมาชิกและทายาทเป็นสำคัญ  ส่วนการนำเงินมาชำระหนี้กับธ.ก.ส. นั้นขึ้นอยู่กับความยินยอมตามความประสงค์แรกเข้าหรือตามข้อตกลงระหว่างทายาทกับผู้ค้ำประกันว่า จะส่งชำระหนี้ให้กับธ.ก.ส.หรือไม่ โดยที่ธ.ก.ส.ไม่มีนโยบายให้นำเงินดังกล่าวมาหักชำระหนี้แต่อย่างใด  

นอกจากนั้นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. เป็นนิติบุคคลที่ก่อตั้งโดยชอบตามกฎหมาย  ภายใต้พระราชบัญญัติฌาปนกิจสงเคราะห์ปี 2545 โดยมีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เป็นผู้กำกับดูแลซึ่งมีอธิบดีเป็นนายทะเบียนกลาง  และได้มีการมอบหมายให้ส่วนราชการในท้องถิ่น เช่น อบต. เทศบาล เป็นผู้กำกับดูแลในพื้นที่อีกชั้นหนึ่ง